รีวิวหนังฝรั่ง greenland นาทีระทึกวันสิ้นโลก หนังแนวอวสานโลกเรื่องใหม่ล่าสุด 2022

สวัสดีครับเพื่อนๆเชื่อว่าคงจะมีคนประเภทเดียวกับผมแน่ๆ 5555 ส่วนตัวชอบหนังแนว โลกแตก วันอวสานโลก อะไรทำนองนี้ 5555 วันนี้ผมจึงจะมารีวิวหนัง แนวอวสานโลก วันสุดท้ายของโลก เรื่องใหม่ล่าสุด อย่างเรื่อง greenland นาทีระทึกวันสิ้นโลก บอกตามตรงว่าตั้งแต่ รีวิวหนังฝรั่ง ไม่ค่อยได้รีวิวหนังแนวนี้มากนัก วันนี้ผมได้มีโอกาสดูเรื่องนี้แล้วคิดว่าเพื่อนๆคงจะชอบกัน จึงมารีวิวให้ทุกคนกันครับ

รีวิวหนังฝรั่ง greenland นาทีระทึกวันสิ้นโลก ภาพยนตร์แนวถล่มโลก ของผู้กำกับ ริก โรมัน วาก์

Greenland นาทีระทึก…วันสิ้นโลก เป็นภาพยนตร์แนวโลกถล่มที่ได้ เจอราร์ด บัตเลอร์ มารับบทนำพร้อมกับเป็นผู้อำนวยการสร้างให้กับหนังเรื่องนี้ ทั่งนี้เขายังได้เลือกผู้กำกับเองอย่าง

ริก โรมัน วาก์ ผู้กำกับคู่ใจที่เคยร่วมงานกันมาแล้วกับหนังเรื่อง Angel Has Fallen (2019) นอกจากนั้นหนังเรื่องนี้ยังมีนักแสดงอย่าง

โมเรนา แบคคาริน, เดวิด เดนแมน, โฮป เดวิส, โรเจอร์ เดล ฟลอย, แอนดรูว์ บาชเลอร์, เมอร์ริน ดันกี้, และ โฮลท์ แมคคัลนี แล้วเขียนบทโดย คริส สปาร์ลิง

รีวิวหนังฝรั่ง greenland นาทีระทึกวันสิ้นโลก

เรื่องย่อ greenland นาทีระทึกวันสิ้นโลก

นาทีระทึกวันสิ้นโลก เรื่องย่อ หนังเริ่มต้นเมื่อโลก ต้องต้อนรับ การมาของดาวหาง คลาร์ก ที่ทางดาราศาสตร์ไม่สามารถพิสูจน์แหล่งที่มาที่ไปของมันได้ แต่ก็ประเมินว่าดาวหางนี้ไม่น่าจะทำอันตรายร้ายแรงให้กับโลกมากนัก

แต่ความเป็นจริง กลับไม่เป็นเช่นนั้น เศษดาวหางเริ่มพุ่งชนโลก หนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ เวลาของโลกเหลือน้อยลง ทุกที เมื่อลูกที่ใหญ่ที่สุดกำลังจะพุ่ง เข้าชนในอีกไม่กี่ชั่วโมง ข้างหน้า

ทำให้รัฐบาลเริ่มปฏิบัติการปกป้อง มนุษยชาติ ด้วยการคัดเลือกผู้เหมาะสมที่จะอยู่รอดเพื่อพาไปยังหลุมหลบภัย ซึ่งครอบครัวของจอห์น แกริตี้ (เจอร์ราด บัตเลอร์) ได้รับเลือก

แต่หนทางไปสู่การรอดชีวิตนั้น ไม่ง่าย เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับความโกลาหล ความสับสน และ ความเห็นแก่ตัวของคน ที่ทุกชีวิตต้องการอยู่รอด..

แม้หน้าหนังของ Greenland นาทีระทึก..วันสิ้นโลก จะทำให้นึกถึงหนังแนวโลกาวินาศ (Apocalyptic) เหมือนหนังเรื่องอื่น ๆ

แต่เนื้อแท้แล้วนี่คือหนังแนวเอาชีวิตรอด (Survivor) เสียมากกว่า เพราะหนังเน้นไปที่ชีวิตของ จอห์น แกริตี้ ที่แม้ชีวิตการงานจะดี

แต่ชีวิตครอบครัวกลับอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เมื่อมีเรื่องหมางใจกับภรรยา ในขณะที่ลูกก็มีโรคประจำตัว แต่ก็ทุ่มเทหาทาง ปกป้องครอบครัวให้รอดพ้น จากภัยพิบัตินี้

รีวิวหนังฝรั่ง greenland นาทีระทึกวันสิ้นโลก

ความรู้สึกหลังรับชม greenland นาทีระทึกวันสิ้นโลก

ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบดูหนังภัยพิบัติอยู่แล้ว ชอบมาตั้งแต่เด็ก เรื่องแรก ๆ ที่ดูน่าจะเป็น Twister (1996), Volcano (1997) และ The Day After Tomorrow (2004) โดยเฉพาะเรื่องหลังนี่ดูบ่อยมาก ดูจนแผ่นพัง (ที่ดูบ่อยตีคู่กันคือ Independence Day

ซึ่งจริง ๆ ก็อยากเรียกว่าหนังหายนะ แต่มันดูเป็นหนังเอเลี่ยนบุกโลกมากกว่า) แต่แม้ว่าจะเป็นประเภทหนังที่ชอบ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลัง ๆ หนังภัยพิบัติไม่ได้มอบอะไรที่ใหม่กับเรานัก

คือมันอาจจะใหม่ขึ้นในแง่ของเทคนิคพิเศษด้านภาพ (Into the Storm ที่เป็น Twister ฉบับ Found Footage) การนำเสนอภัยพิบัติที่ซับซ้อนขึ้น ฉีกแนวขึ้น (Geostorm ที่เป็น 2012 เวอร์ชั่นเครื่องจักรเปลี่ยนธรรมชาติ) แต่สุดท้ายปลายทางก็เหมือนกัน

พูดถึงหนังประเภทโลกาวินาศชื่อสามัญประจำฮอลลีวูดคงหนีไม่พ้นหนังของผู้กำกับอย่าง โรแลนด์ เอมเมอริช ที่่มักเป็นชื่อคู่กับหนังฟอร์มยักษ์มาโดยตลอด และ หลังจากเขาเลิกทำหนังถล่มโลก

ตลาดหนังประเภทนี้ก็ดูจะเงียบเหงาหายไปใต้เงาหนังซูเปอร์ฮีโรในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่แล้ววันนี้ GREENLAND กำลังจะมาเติมเต็มตลาดหนังวินาศสันตะโรดังกล่าว แต่จะมีอะไรแปลกใหม่กันบ้างเราลองมาดูกัน

พลอตของ GREENLAND กล่าวถึงเหตุการณ์อุกกาบาตชื่อคลาร์กที่มุ่งตรงมาถล่มโลก แต่รัฐบาลกลับสามารถช่วยเหลือคนได้เพียงหยิบมือจึงเลือกคนในสาขาอาชีพที่จำเป็นต่อมนุษย์

ได้เดินทางสู่ที่หลบภัยโดยหนึ่งในนั้นได้แก่ครอบครัวแกริตี้ประกอบด้วย จอห์น (เจอร์ราด บัตเลอร์) พ่อบ้านวิศวกรโครงสร้างที่กำลังมีปัญหาระหองระแหงกับ เอลลี (โมเรนา บัคคาริน)ภรรยาสาวสวย ซึ่ง เนธาน (โรเจอร์ เดล ฟลอยด์) ลูกชายของพวกเขาที่เกิดมาเป็นโรคเบาหวานแต่กำเนิด

รีวิวหนังฝรั่ง greenland นาทีระทึกวันสิ้นโลก

รีวิวหนังฝรั่ง greenland นาทีระทึกวันสิ้นโลก ภาพยนตร์แนวจำลองชีวิต การเอาชีวิตรอด ในวันสุดท้ายของโลก

Greenland เป็นหนังภัยพิบัติล้างโลกอีกเรื่องที่เล่าถึงการพยายามเอาชีวิตรอด และ สะท้อนสันดานดิบของมนุษย์ในช่วงวาระสุดท้ายที่ผู้คนรู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย แต่ยังไม่ตาย เหลือเวลาอีกน้อยนิด เราจะเลือกที่ทำอะไรกัน

โดยปกติแล้วหนังวันสิ้นโลกมักจะไปโฟกัสกลุ่มบุคคลพิเศษ เช่น แข็งแรงเป็นพิเศษ ฉลาดเป็นพิเศษ เป็นผู้นำประเทศ หรืออะไรทำนองนั้น

จึงมักจะมีแนวโน้มที่ตัวเอกของเรื่องได้อยู่ในสถานการณ์สำคัญ ๆ ของภัยพิบัติอยู่เสมอ แต่กับเรื่องนี้นั้น หนังกลับค่อย ๆ เล่า ภาพรวมของเหตุการณ์ และ เล่นกับความไม่รู้ของประชาชนมากกว่า

หนังเก็บหลาย ๆ ประเด็นของวันสิ้นโลกมาแสดงได้ค่อนข้างดี แต่ก็ทำให้หนังมีความยืด และ ไม่กระชับในบางช่วงเช่นกัน ดราม่า และ ความใจร้ายของคนที่อยู่ในหนังบางช่วงบางตอน

ก็ทำให้รู้สึกกดดัน และ หดหู่เบา ๆ ได้เหมือนกัน แต่หนังก็มีด้านดี ๆ ของมนุษย์ให้เห็นเช่นเดียวกัน เรียกว่ากระจายเรื่องราวออกไปให้เห็นภาพหลาย ๆ แบบในช่วงเวลาก่อนถึงวันสิ้นโลกจริง ๆ

บทสรุป greenland นาทีระทึกวันสิ้นโลก

ช่วงหลัง ๆ นี้ต้องบอกเลยว่า ทิศทางของการทำหนังหายนะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น อุกาบาตชนโลก / เอเลี่ยนบุก / แผ่นดินไหว / ภูเขาไฟระเบิด / โลกแตกตามคำทำนาย ล้วนแล้วแต่ถูก

สร้างมาหลากหลายครั้งนับไม่ถ้วน ซึ่งส่วนใหญ่มักจะชูประเด็นการเอาตัวรอดในแบบผิวเผิน และ ดำเนินเรื่องในด้านภาพรวมของมุนษยชาติเป็นหลัก ตัดภาพสลับไปกับการดำเนินการช่วยเหลือของรัฐบาลแต่ละประเทศ

ซึ่งในเรื่อง Greenland นี้ขอสวนกระแสการเล่าเรื่องแบบในภาพรวมแล้วโฟกัสตัวละครหลักอย่างครอบครัวเล็ก ๆ ที่มีแค่เพียง พ่อแม่ ที่กำลังระหองระแหงจะเลิกกัน และ ลูกชายผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน

ที่ได้รับข้อความที่รัฐบาลแรนดอมให้ทั้งครอบครัวเป็นกลุ่มผู้อพยบไปยังหลุมหลบภัย เพื่อรอการเริ่มต้นใหม่หลังจากหายนะดาวตกพุ่งชนโลก

ซึ่งกว่าจะไปถึงที่นั่นได้เกิดเห็นการผลิกผันมากมาย ทั้ง 3 ตัวละครหลักถูกจับให้แยกกัน และ ต้องเดินทางตามหากันให้ทันเวลา ก่อนที่หายนะจะทำลายล้างทั้งโลก

เอาเข้าจริงแล้วการที่ตัวหนังมาเล่าเรื่องแบบนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของการที่ต้องการประหยัดทุนสร้างฉากหายนะใหญ่ ๆ เวอร์อลัง ๆ แบบหนังสไตล์นี้เรื่องอื่น ๆ ที่เคยทำมาก่อนหน้า

แต่กลับกันสำหรับผม การที่ตัวหนังไม่ได้โฟกัสที่จะขายฉากหายนะเป็นหลัก แล้วประเด็นความสัมพันธุ์ระหว่างตัวละครเล่าแบบเบาบาง นั่นหลัง ๆ

ผมค่อนข้างไม่อินเท่าไหร่ แต่สำหรับเรื่องนี้อินหนักมาก และ โดนใจที่ผู้สร้างเลือกที่จะเล่าในรูปแบบนี้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *