รีวิวหนังฝรั่ง The Losers

สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้เราจะมาแนะนำหนังน่าดูอีกเรื่องนึงอย่าง The Losers หลังจากที่เราได้ รีวิวหนังฝรั่ง มาเนิ่นนาน มาหลายต่อหลายเรื่อง ผมก็คิดว่าถึงเวลาต้องมารีวิว หนังแอ็คชั่น สุดมันเรื่องโปรดของผมซะที 5555 เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั่น ไปติดตามชมกันครับเพื่อนๆ

ดูหนัง the losers 1 ภาพยนตร์ หัวข้อนี้ ผมไม่เคยทราบมาก่อนเลย ในชีวิต เปิดเรื่องขึ้นมา ก็ถึงได้ทราบว่า มัน เคยเป็น หนังสือ การ์ตูนมาก่อน

แม้ว่าจะไม่ใช่หนังสือ การ์ตูน หรือ ค่าย การ์ตูนที่มีชื่อ มีชื่อเสียงกันมากเท่าไรนัก ก็ตาม มันเคยถูกเผยแพร่ ใน ตอน ทศวรรษ 1980 ในรูปแบบของ หนังสือการ์ตูนชุด ก่อนที่จะแปลงเป็นนิยาย

กราฟิก ในกาลถัดมาเมื่อ หนึ่ง ยอดเยี่ยม กลุ่ม ใน หน่วยสืบราชการลับของสหรัฐอเมริกา ที่ถูก ดูแคลนในความสามารถ รวมทั้ง คิดจะกําจัด พวกเขาทิ้งเสียด้วยการซ้อนแผน

รวมทั้งทิ้งระเบิด กะให้วายชีวา ในโบลิเวีย กลุ่มชนที่ถูกเห็นว่าเป็น The Losers ก็เลยยืนขึ้นสู่ เพื่อเรียก รวมทั้ง ทวง เกียรติ และก็สิ่งที่สูญเสียไปคืนมา

the losers เรื่องย่อ เกิดเรื่องราวของคนแหกกฎ 6 ผู้ที่ปฏิบัติงานให้กับภารกิจพิเศษของหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐอเมริกา

รวมทั้ง พวกเขาถูกส่งไปยัง แอฟริกาใต้ และก็โบลิเวียเพื่อกําจัด คนกลางค้าอาวุธ ซึ่งเปลี่ยนไปเกิดเรื่องเท็จ” ผู้กํากับ ฯ ซิลเวียน ไวท์

แถลงการณ์ในตอนพักหายใจระหว่างคอยจัดฉาก แม้กระนั้น โชคร้ายของพวกเขา ที่ถูกทิ้งเอา ไว้ โดยรัฐบาล ทิ้งเอาไว้ให้ตาย แล้วก็เป็นแพะรับบาป

สําหรับในการตายของคนอีกหลาย ๆ คนที่เกิดขึ้นระหว่างการก ระทําภารกิจ เรื่องเริ่มขึ้นจากจุดนั้น รวมทั้งกลุ่มคนเหล่านี้ก็มานะหาทางกลับเข้าสหรัฐอเมริกา

เพื่อกู้ชื่อให้ ตนเอง พิสูจน์ให้ประเทศรู้ดีว่า พวกเขาบริสุทธิ์ แล้วก็สืบเสาะหาว่า คนไหนเป็นผู้จะรับผิดชอบ ที่จริงจริง ต่อ สิ่งที่ เกิต ขน

โคตรกลุ่ม อําเภอ ตําบลราชการ แพ้ไม่เป็น เป็นหนังที่มันมากมาย ๆ กับฉากยิงกัน การต่อสู้ รวมทั้งฉากสายที่ จะต้องบุกเข้าลักข้อมูล แถม หนังประเด็นนี้ยังมีมุกตลกขบขันฮา ๆ

ให้ได้ขํากันแทบอีกทั้งเรื่องอีกด้วย เรียกว่าดู แล้วสนุกสนานมัน ฮา พร้อมด้วย การดําเนินเรื่องที่ไม่สลับซับซ้อนมากมาย แต่ว่าก็ไม่เรียบง่ายจนกระทั่งสามารถ ทายใจทางได้ง่าย

แล้วก็ยังมีการหักมุมไป แบบซน ๆ อีกด้วย ดังเช่นว่า ไอซ่าเป็นบุตรสาวของ อาชญา การกวน หนึ่งที่เคลย์พึ่งฆ่าไป จากภารกิจในโบลีเวีย และก็ฉาก

ในที่สุดที่พวกเขาก็ถูกคิดคดทรยศจากเพื่อนฝูงคนหนึ่ง ในกลุ่มไปซุกซน ๆ แบบไม่มี ความเป็นมาภายหลัง ดูหนัง ประเด็นนี้ แล้ว เว้นเสียแต่ ได้รับความสนุกสนานแล้ว

หนังประเด็นนี้ยังให้ข้อคิดเตือนใจดี ๆ หัวข้อการ ดําเนินการเป็นกลุ่ม ความพร้อมใจ การรับผิดถูกใจเฉพาะหน้าที่ของแม้กระนั้นคน ที่หากคนไหนกันแน่ผู้ใดผู้หนึ่ง พลาดทุก ๆ อย่างก็จบ

และก็เรื่องของความเชื่อถือ ไม่ว่าผู้ที่รับเข้ามาร่วมกลุ่ม หรือ แม้กระทั้งเพื่อนฝูง ใน กลุ่มเอง ที่สุด ด้านหลัง และก็ คิดคดทรยศกัน

โดยมีเหตุมีผล จาก ผลตอบแทน ส่วนตัว ไม่ว่าจะเรื่องเงิน เรื่อง อุดมการณ์ ถูกบังคับ และก็เพื่อการแก้เผ็ด

ยังไม่ทันได้ดูก็นึกเทใจให้กับเรื่องนี้ด้วยภาพลักษณ์ที่คงมันส์แบบมีสไตล์เป็นของตัวเอง จะว่าไปในปีนั้นต้องแข่งกับเรื่อง The A-Team (2010) ด้วยพล็อตเรื่องรวมพลกลุ่มทหารลาศึก

ฝีมือชั้นเยี่ยมมารับภารกิจจำกัดตัวร้ายระดับมหากาฬ แต่รู้ไหมถ้าให้เทียบระหว่างสองเรื่องนี้โดยส่วนตัวยกให้ The A-Team มันส์กว่าอีก

ไม่ใช่ว่าจะดูถูกว่า The Losers ไม่มีความมันส์เอาซะเลย แค่คิดว่าความเร้าใจมันไม่ได้เท่านั้นเอง เพราะอย่างแรกคือการให้ความสำคัญกับมุมมองความเท่มากเกินพองามจนแอ็คชั่นไม่ดุดัน

แล้วยังกลายเป็นว่าพวกพระเอกนี่ไว้ลายกันเยอะจนตัวร้ายดูอ่อนปวกเปียกยังไงไม่รู้ ขนาดเวลาคับขันยังลงเอยให้ตัวเอกดูเท่ได้นี่ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว

ส่วนตัวร้ายยังคงคอนเซ็ปต์ไม่เอาไหนเช่นเคยโดยเฉพาะพวกลูกน้องที่บางครั้งเฉยไปหน่อย จะเว้นแต่ตัวร้ายหลักกับแม็กซ์ที่วางมาดเนียบทำตัวฉลาด

กับอีกหนึ่งตัวร้ายเหว็ด (Holt McCallany) เป็นสมุนมือขวาแม็กซ์ที่ดูจะไม่ฉลาดแต่เอาดูแลเท่บ้างนิดหน่อย(ยิ่งตอนท้ายเรื่องขี่มอไซค์มาอย่างเท่

ถ้าเป็นพระเอกขี่จะถือว่าโอเคมาก แต่อย่าดีกว่า) ในแง่ของฝ่ายตัวโกงยังรู้สึกแผ่วไปหน่อยเพราะดูไม่ได้เก่งกาจอะไรมากนัก

แถมดู ๆ แล้วบทบาทยังไม่มากพอจะดึงให้รู้สึกน่าสนใจเท่าไหร่ มัวแต่ลีลาซะมากพอเอาจริงก็ไม่ได้เก่งอะไรเลย แต่อย่างน้อยก็ทำได้สมมาตรฐานตัวโกงที่โกงสมใจได้ล่ะนะ

ส่วนฝ่ายพระเอกค่อนข้างทำได้เข้าขากันดีในเรื่องนักแสดงแม้จะรู้สึกมีบางตัวเกินหน้าเกินตาไปบ้างหรือกลายเป็นตัวประกอบไปบ้าง แต่ก็ยังคงไว้หน้ากันครบทุกตัวละครทั้งหมดด้วยเอกลักษณ์ของตัวเอง

อย่างคูการ์นักแม่นปืนที่ในเรื่องจะไม่ค่อยมีโอกาสได้บู๊อะไรอย่างคนอื่นนอกจากคอยจังหวะแล้วยิงโชว์เจ๋งสักนัดสองนัดก่อนจะขโมยซีนคนอื่น ๆ

เพราะการยิงเพียงไม่กี่นัด ถ้าเรื่องการแจกบทตัวละครยังถือว่าแจกไม่พอแต่ใช้ความโดดเด่นมาแย่งซีนจนเด่นกว่าถือว่าใช้ได้ดี

อย่างที่บอกคือแอ็คชั่นไม่ค่อยเท่าไหร่อย่างที่คิด ไม่ค่อยมันส์ในระดับสุดยอดนอกจากพาเพลินได้ระดับที่เหมาะสม ที่โดดเด่นคือการตัดต่อด้วยภาพคอมมิคมาผสมเพิ่มสีสันของหนังให้ออกมาดูเร้าใจ

แต่จะเห็นเป็นไปไม่ได้คือดนตรีประกอบที่เข้าเครื่องผสมได้ดีจนว่าหนังแอ็คชั่นห้วน ๆ เรื่องนี้ยังสนุกสะใจได้อีกระดับ

ซึ่งคนประพันธ์คือ John Ottman ที่ทำดนตรีออกมามันส์บวกเพิ่มความกวนของตัวละครเข้าไปด้วยเพลง Don’t Stop Believing ในฉากเจนเซนกำลังหนีกลายเป็นอารมณ์กวน ๆ ไปได้เลย

ดูเหมือนผู้กำกับ Sylvain White จะจับงานถูกทางในการขอแอ็คชั่นบ้าง เพราะทำได้ดีกว่าเรื่องก่อน ๆ ที่ผ่านมา

แม้จะเสียอยู่หลายองค์ประกอบทั้งการดำเนินแบบตรง ๆ ก่อนจะมีหักมุมหักหลังบ้างนิดหน่อยก็ไม่ได้รู้สึกสมเหตุสมผลจนเข้าใจ แต่ไม่ว่าเนื้อเรื่องเมื่อต้องการเอาง่ายไม่ซีเรียสจริงจัง

หรือจะแอ็คชั่นที่ไม่ได้เร้าใจแบบสุด ๆ แต่ขอเท่เก็บความหล่อเอาไว้ให้น่าจดจำ สำคัญคือตัวหนังมีมิติของผู้แพ้ผู้ชนะจนผู้ชมดูเข้าใจในความหมายนี่ดีทั้งช่วงแรก และ ตอนจบ

ที่ดีคือการได้นักแสดง Chris Evans มาเล่นให้ตัวหนังมีรสชาติยิ่งขึ้น สรุปว่าแอ็คชั่นมันส์ในระดับพาเพลินทั่ว ๆ ไป

โดยส่วนตัวดูจบแล้วจบกันไม่ได้ประทับใจมากนัก กับบางท่านอาจจะชอบก็ได้ที่แอ็คชั่นในระดับดูง่าย ๆ สรุปว่ามันส์พาเพลินว่างั้นแหละ

โดยรวมแล้วหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่มัน และ สนุกมาก ๆ ถึงแม้โดยเนื้อเรื่องแล้วจะเป็นหนังที่ค่อนข้างเครียด และ ระทึกใจ แต่อารมณ์ของตัวละครนั้นค่อนข้างจะสบาย ๆ สนุก ๆ ฮา ๆ

แต่ก็ไม่ถึงกับตลกมากจนเกินไปนัก ถือเป็นหนังที่สนุกมาก ๆ ที่อยากจะแนะนำให้เพื่อน ๆ คอหนังบู๊แอ็คชั่นทุกคนได้ดูกันครับ