รีวิวหนังฝรั่ง The Matrix Resurrections

รีวิวหนังฝรั่ง The Matrix Resurrections การกลับมาของหนังแอ็กชั่นไซไฟในตำนานที่ห่างจากภาคแรกสองทศวรรษ ด้วยความพยายามคืนชีพเรื่องราวเก่าให้ดูสดใหม่อีกครั้ง ภายใต้ทีมงานกับดารานักแสดงหลัก ที่อาจจะเป็นการตัดสินใจที่ดีในด้านการทำเงินตามกระแส คีอานู รีฟส์ มากกว่าการที่มีบทที่ดีเนื้อเรื่องสดใหม่ตอบสนองแฟนๆ ก็เป็นได้ เว็บดูหนัง 

หนังใช้เวลาช่วงแรกไปกับการแนะนำตัวละครใหม่อย่างบั๊กส์ (แสดงโดย เจสสิกา เฮนวิค Jessica Henwick) ที่ลักลอบแฮ็กเข้าสู่เดอะแมทริกซ์เพื่อดูเหตุการณ์ที่ทรินีตีหลบหนีเหล่าเอเจนต์และเธอก็ได้พบความจริงว่านีโอ (แสดงโดย คีอานู รีฟส์ Keanu Reeves) ยังมีชีวิตอยู่ โดยเขาใช้ชื่อโธมัส แอนเดอร์สัน นักออกแบบเกมเดอะแมทริกซ์ที่กำลังต้องเริ่มโปรเจกต์เกมภาค 4 จนกระทั่งเขาได้พบกับมอร์เฟียส (รับบทโดย ยายาห์ อับดุล-มาทีนที่ 2 Yahya Abdul-Mateen II) และบั๊กส์ที่พาเขากลับสู่โลกความจริงอีกครั้ง แต่ในเมื่อทรีนิตี (รับบทโดย แครี-แอนน์ มอสส์ Carrie-Anne Moss) ยังติดอยู่ในแมทริกซ์นีโอจำต้องออกรบอีกครั้งเพื่อปลดปล่อยคนรักของเขา

ก่อนอื่นเราคงต้องบอกกันตรง ๆ ล่ะนะครับว่าบทหนังของ ‘The Matrix Resurrections’ ไม่ได้เอาใจคนที่ไม่เคยดูหรือรู้จักกับโลกของ ‘The Matrix’ มาเลย เพราะมันเล่าเรื่องต่อจากหนังภาค 3 อย่าง ‘The Matrix Revolutions’ ที่ฉายไปตั้งแต่ปี 2003 ข้อมูลหลายอย่างทั้งเดอะแมทริกซ์คืออะไรหรือชุมชนไซออนคืออะไร เซนตินัลคืออะไร อันนี้คนดูต้องรู้อยู่แล้ว

แต่ในขณะเดียวกันสิ่งที่ไม่คิดว่าลานา วาชอว์สกีจะทำก็คือการเอาภาพฟุตเทจของหนังทั้ง 3 ภาคมาแทรกไปตลอดการดำเนินเรื่องเพื่อให้คนดูต่อติดว่าหนังกำลังจะเดินเรื่องเชื่อมโยงกับหนังภาคเก่า ๆ เพราะบทหนังที่ลานาไปลาก เดวิด มิตเชลล์ (David Mitchell) คนแต่งนิยาย ‘Cloud Atlas’ ที่เคยดัดแปลงบทหนังให้เธอ และยังมาร่วมงานกับอเล็กซานเดอร์ เฮมอน (Aleksandar Hemon) เขียนบท ‘Sense8’ ซีรีส์ดรามาเชื่อมจิตทาง Netflix มาเขียนบท ‘The Matrix Resurrections’ ภาคนี้ ซึ่งต้องบอกว่ามีแนวคิดหลายอย่างที่หนังกล้าหาญที่จะ “เล่น” ตัวเองและวิพากษ์ว่า ‘The Matrix’ คืออะไรกันแน่ เว็บดูหนังฟรี 

รีวิวหนังฝรั่ง The Matrix Resurrections

มาเริ่มดูจริงจังอีกทีตอนภาค 2 กับ 3 จะเข้าโรง พอโตขึ้นสามารถรับสารได้เยอะขึ้นเลยสามารถดู The Matrix เป็นหนังได้มากกว่าเดิม ซึมลึกได้มากกว่าเดิม ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกว่าชอบมันในฐานะหนังแอคชั่นเสียมากกว่าความเป็นหนังที่ลุ่มลึกในด้านปรัชญา และไม่แปลกเลยว่าภาค Revolutions จะเป็นภาคที่ผมดูบ่อยสุดจนแทบจะท่องบทพากย์ไทยได้เลย

แต่แม้ผมจะไม่ได้เป็นคนที่ดูหนังได้ลึกอะไรมากมายในช่วงนั้น ก็ยังรับรู้ได้ว่าเรื่องราวของ The Matrix ได้จบบริบูรณ์ดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีต่อใดๆ อีก ดังนั้นตอนที่ Warner ประกาศว่าจะทำภาค 4 ผมก็เลยคิ้วขมวด เพราะไม่คิดว่าจะมีใครคิดฆ่าตัวตายง่ายๆ แบบนั้น และสุดท้ายแล้วถึงผลลัพท์ของมันจะไม่ได้แย่อะไร แต่กับหลายๆ อย่างมันก็ไม่ได้ตราตรึงเท่ากับเมื่อปี 1999 อีกต่อไปแล้ว

นั่นเลยทำให้หนังครึ่งแรกเต็มไปด้วยบทสนทนาที่จะต้องปูทั้งอาชีพของนีโอที่เป็นคนออกแบบเกมและชีวิตใหม่ของทรินิตี รวมไปถึงที่มาของเหล่ากลุ่มกบฏใหม่ที่มีนีโอเป็นไอดอล รวมไปถึงที่มาของมอร์เฟียสคนใหม่ที่หนังให้ ยายาห์ อับดุล-มาทีนที่ 2 ล้อเลียนแอ็กติงของ ลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์น (Laurence Fishburne) อย่างคึกคะนองเลย ต้องเดินหน้าด้วยความเร็วเหมือนรถติดบนทางด่วนที่เห็นจุดหมายข้างหน้าไปไหนไม่ได้ แถมยังมีฟุตเทจหนังไตรภาคแรกมาตอกย้ำอีกว่าบทหนังที่พยายามคงไว้ทั้งปรัชญา ความเป็นแอ็กชันไซไฟ หรือฉากโชว์กังฟูยังไม่อาจเทียบเคียงกับหนัง 3 ภาคแรกได้เลย หนังฟรี 

รีวิวหนังฝรั่ง The Matrix Resurrections

และเช่นเดียวกันสิ่งที่หนังเพิ่มเข้ามาอย่างฉากการถกเถียงกันของทีมพัฒนาเกมที่มุ่งหาความหมายของเดอะแมทริกซ์ ก็ยิ่งทำให้คนที่ไม่เคยดูหนังสับสนเสียเปล่า ๆ และผม “กล้าสปอยล์” เลยว่าฉากหลังเอนด์เครดิตลานายังเลือกให้เราเสียเวลารอดูเครดิตยาว ๆ เพื่อฉากที่ไม่ได้มีประโยชน์ในการเล่าเรื่องนี้อีก ส่วนตัวเลยคิดว่าหากบทหนังสามารถแทรกแนวคิดใหม่ ๆ เข้าไปในเนื้อเรื่องที่เกี่ยวข้องกันกว่านี้น่าจะดูฉลาดกว่า เสียดายฝีมือทีมเขียนบทเปล่า ๆ

ภาคนี้เนื้อเรื่องยังวนเวียนอยู่กับการปลดปล่อยตัวนีโอออกจาก เดอะ เมทริกซ์ โดยมีเส้นเรื่องหลักคร่าวๆ แบบไม่สปอยล์อะไรมากก็คือ มีกลุ่มผู้ปลดปล่อยใหม่พยายามปลุกให้นีโอกลับมาอีกครั้ง ตามมาด้วยการช่วยทรินิตี้เพิ่มอีกคน ซึ่งทั้งเรื่องก็มีแค่นี้จริงๆ ดังนั้นตัวเรื่องที่เหลือก็เลยกลายเป็นความพยายามรื้อฟื้นเรื่องราวฉากเก่าๆ มาใส่ในเส้นเรื่องใหม่ของภาคนี้ โดยฉากเก่าที่ว่านี่คือแฟลชแบ็คสั้นๆ ที่ขยันปล่อยมาเรื่อยๆ ตั้งแต่นีโอยังงงๆ ฉากเลือกยา ฉากคุยกับมอร์เฟียซ ฉากฝึกวิชา และยิบย่อยอีกมากมาย จนแทบทั้งเรื่องเต็มไปด้วยแฟลชแบ็คที่กินเวลาไปไม่น้อย โดยเทียบเป็นลักษณะนีโอมองเห็นเดจาวูของตัวเอง

ซึ่งแรกๆ แฟนเมทริกซ์คงรู้สึกดีที่ภาคใหม่ยังพยายามดึงเอาฉากเก่าๆ มาร่วมด้วย แต่พอนานไปกลับกลายเป็นว่าชักเยอะเกินไป จนเริ่มรู้สึกรำคาญว่าจะพยายามใส่อะไรมาขนาดนี้ ทำให้เรื่องที่ว่าเหมือนจะไปทิศทางใหม่ได้ในตอนแรก กลับต้องมาติดหล่มการย้อนแฟลชแบ็คของเก่าแวบๆ เทียบกับเรื่องราวในปัจจุบันอยู่เรื่อยๆ

รีวิวหนังฝรั่ง The Matrix Resurrections

หลังจากนั้นหนังแนะนำผู้ต่อต้านกลุ่มใหม่ ที่มี บักส์ (Bugs) รับบทโดยเจสสิกา เฮนวิก (Jessica Henwick) เป็นตัวแสบ ซึ่งเธอก็ละม้ายทรินีตี (Trinty) ตัวนำหญิงต้นฉบับที่แคร์รี-แอนน์ มอสส์ (Carrie-Ann Moss) เล่นเอาไว้ได้สุดเท่ หากทีมของบักส์ก็เหมือนผู้สังเกตการณ์สิ่งที่เคยเกิดขึ้นในหนังเรื่องก่อนหน้ามากกว่า หนังใหม่ 

หรือว่า หนังจะนำเสนอเรื่องราวที่เป็นโลกคู่ขนานกับเดอะ เมทริกซ์ที่เราคุ้นเคย แต่พอโธมัส แอนเดอร์สัน (Thomas Anderson) ที่จะกลายเป็น นีโอ (Neo) หรือเดอะ วัน (The One) ปรากฏตัวด้วยรูปลักษณ์ราวกับเดินมาจากกองถ่าย John Wick และมีสัมมาชีพเพี้ยนไปจากหนังภาคแรก

รีวิวหนังฝรั่ง The Matrix Resurrections

นอกจากความพยายามขายฉากเก่าๆ ระลึกอดีตกันแล้ว ฉากแอ็กชั่นที่เป็นจุดขายของเรื่องก็ยังเอาของเก่ากลับมาบ้างนิดหน่อย อย่างฉากสมิธรัวกำปั้น ฉากโยกหลบกระสุน ของพวกสายลับ ฉากหยุดกระสุนของนีโอ แต่พวกนี้ไม่มีปัญหาเพราะการเอามาแบบนี้มันช่วยทำให้ความมันส์แบบเก่าๆ กลับมาได้ แต่ปัญหาคือฉากแอ็กชั่นใหม่ๆ ที่ควรจะมีฉากเด็ดน่าจดจำระดับปฏิวัติวงการแบบที่ไตรภาคเก่ามีกันทุกภาค มาภาคนี้กลับไม่มีฉากไหนคู่ควรหรือใกล้เคียงพอกับอะไรแบบนั้นเลยสักฉากจริงๆ ซึ่งอาจจะเพราะเราได้เห็นฉากยิงกระหน่ำรัวๆ มาจากหนังหลายเรื่องที่ได้อิทธิพลมาจากจอห์นวิคมาก่อนแล้วด้วย แต่ถ้าตัดเรื่องการใช้ปืนไปมาดูที่การต่อสู้ประชิดตัว ภาคนี้ได้ลูกศิษย์ของหยวนวูปิงมารับหน้าที่ออกแบบคิวบู๊แทนก็ต้องบอกตรงๆ ว่ามือไม่ถึง ไม่มีฉากไหนที่โดดเด่นน่าประทับเลยสักฉากเมื่อเทียบกับไตรภาคเก่า ดูหนังฟรี 

นอกจากนี้ความพยายามเอา “วูซู” ศิลปะการต่อสู้โบราณของจีนในปัจจุบันที่กลายมาเป็นกีฬามาร่วมกับกังฟู ซึ่งออกแนวยุทธลีลามากกว่าการต่อสู้ตรงๆ ก็เลยยิ่งทำให้ความเว่อร์แบบกังฟูหนังจีนของเดอะเมทริกซ์ที่คนติดตา ลดน้อยถดถอยลงไปอีก เหลือแต่แค่การเอาตัวกระแทก หมัดกระแทก บิดข้อมืออะไรพวกนี้ ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับความเว่อร์ของหนังกังฟูจีนแท้ๆ ที่ไตรภาคเดอะเมทริกซ์นำมาใช้ตรงๆ ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ แล้วก็กลายเป็นฉากที่หนังเรื่องอื่นๆ เอาไปใช้อ้างอิงล้อเลียนกันเต็มไปหมด อย่างฉากทรินิตี้ลอยตัวเตะแบบสโลว์ หรือฉากสู้ร้อยคนกับสมิธโดยการโหนไม้ถีบรอบวง ซึ่งภาคก่อนทางผู้สร้างก็ยอมรับว่าได้อิทธิพลมาจาก กังฟูฮัสเซิล คนเล็กหมัดเทวดา ซึ่งแม้แต่ ชาง-ชี ของมาร์เวลที่ฉายไปก็ยังได้รับอิทธิพลมาเช่นกัน ฉากกังฟูเว่อร์ๆ แบบนี้เราจะไม่ได้เห็นเลยในภาคนี้เลย ซึ่งถือว่าน่าผิดหวังมากจริงๆ

สิ่งที่พอจะมาชดเชยความผิดบาปในหนังครึ่งแรกได้คงหนีไม่พ้นตอนที่นีโอไปโผล่ในโลกความเป็นจริงแล้ว เพราะต่อจากนั้นหนังก็ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการเล่าเรื่องจริง ๆ ทั้งการได้ไปสู้รบปรบมือกับวายร้ายรายใหม่อย่าง นักวิเคราะห์ (รับบทโดย นีล แพทริก แฮริส Neil Patrick Harris) และเอเจนต์สมิธ (รับบทโดยโจนาธาน โกรฟฟ์ Jonathan Groff) ที่ดูเหนือกว่าทุกทางจะเพิ่มความตื่นเต้นให้หนังได้บ้าง

หรือการได้รู้จักกับชุมชนไอโอ ชุมชนที่มนุษย์และเหล่าเซนเทียนต์หรือจักรกลฝ่ายดีร่วมงานกันสร้างสังคมยุคใหม่ แม้การได้เห็น จาดา พินเคตต์-สมิธ (Jada Pinkett Smith) เมกอัปเป็นไนโอบีตอนแก่จะดูเจ็บปวดไปหน่อย แถมบทของเธอก็แทบไม่เป็นชิ้นเป็นอันก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ยังส่งให้เรื่องเดินต่อไปถึงภารกิจช่วยเหลือทรีนิตีที่มีการดีไซน์ฉากแอ็กชันได้ใหญ่โตสมกับเป็นฉากฟินาเล่ ดีแต่ในภาพรวมก็ยังไม่มีฉากไหนที่น่าประทับใจหรือเป็นฉากจำเหมือนหนังต้นฉบับอยู่ดี

ว่ากันถึงนักแสดงหากตัดคีอานู รีฟส์กับแครี-แอนน์ มอสส์ออกจากหนังเราจะพบว่าบทหนังแทบไม่ส่งให้ใครเป็นตัวดำเนินเรื่องได้เลย แม้แต่เจสสิกา เฮนวิค สาวสวยจากซีรีส์ ‘Iron Fist’ และหนัง ‘Love and Monsters’ ที่อุตส่าห์ได้บทบั๊กส์ สาวผมสีฟ้าสักลายกระต่ายที่แขนหนังก็ยังไม่ได้ให้บทบาทเธอชัดเจนเพราะหลังจากเจอนีโอแล้ว บทบั๊กก็ถูกผลักเป็นตัวประกอบทันที รวมถึงการขนทัพนักแสดงหนุ่มสาวหน้าตาดีจากซีรีส์ ‘Sense8’ ที่วาชอว์สกีเป็นโชว์รันเนอร์ ก็ยังไม่มีใครมีบทบาทโดดเด่นสักคนเลยทำให้ ‘The Matrix Resurrections’ ยังไม่มีศักยภาพพอจะเป็นหนังเปิดไตรภาคใหม่ได้เท่าไหร่นัก ดูหนังออนไลน์ 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *