รีวิวหนังฝรั่ง The Man From Toronto

 เป็นหนังตลกที่จะทำให้ช่วงเวลาของคนดูเต็มไปด้วยเรื่องตลก หนังฟรี ความบันเทิงและเสียงหัวเราะ ใครที่ชอบคอนเสิร์ตแนวเดี่ยว ไมโครโฟนไม่ควรพลาดเรื่องนี้ เพราะตัวเอกในเรื่องบ่นเก่งมาก หนังใหม่ พูดคนเดียวเก่งมาก โกหกไม่เก่งเท่าไร แต่ทุกคนเชื่อกันหมดว่าหมอนี้คือนักฆ่าจริงๆ ดูหนัง แม้ว่าความจริงเขาจะเป็นแค่คนธรรมดาก็ตาม ก็นับว่าเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งที่คุ้มค่าเวลาคนดูแน่นอน ดูหนังออนไลน์ฟรี 2022

นึกว่าออกฉายไปหมดแล้วเสียอีก สำหรับหนังที่โดนโรคเลื่อนมาจากช่วงโควิด-19 แพร่ระบาดหนัก แต่ก็ยังไม่หมดครับ ยังมีเรื่องนี้ล่ะ The Man From Toronto  ดูหนังออนไลน์ หนังของค่ายโซนี่ที่วางกำหนดฉายเดิมไว้ตั้งแต่พฤศจิกายน 2020 นู่นเลย แล้วก็เลื่อนแล้วเลื่อนอีก สุดท้ายขายให้ Netflix ไปซะดีกว่า ซึ่งก็เพิ่งสตรีมมิงไปเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน นี่เอง ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่มีโฆษณา 

เป็นเรื่องราวของการระบุตัวตนที่ผิดพลาด รีวิวหนังฝรั่ง The Man From Toronto

รีวิวหนังฝรั่ง The Man From Toronto

ซึ่งกลายเป็นความโกลาหลอย่างมหันต์ หลังจากที่ ดูหนังฟรี เท็ดดี้ ปรึกษาฝ่ายขาย ผู้ที่เพิ่งจะล้มเหลวจากหน้าที่การงาน กับ แรนดี้ นักฆ่าที่อันตรายที่สุดในโลกซึ่งรู้จักกันในชื่อว่า ‘ชายจากโตรอนโต’ ได้โคจรมาพบกันในที่พักแห่งหนึ่งระหว่างที่ ดูหนัง เขากับภรรยามาพักร้อนดื่มด่ำในช่วงวันหยุด และทุกอย่างกลายเป็นเรื่องผิดแผนและยุ่งเหยิงกว่าที่คิด ดูหนังออนไลน์ 

และนี่ก็คือผลงานล่าสุดของผู้กำกับ “แพทริค ฮิวจ์ส” จากหนังชุด The Hitman’s Bodyguard ทั้ง 2 ภาค แน่นอนว่าแค่รู้เท่านี้นคุณก็น่าจะพอนึกถึงบรรยากาศของหนังเรื่องนี้ออกได้บ้างแล้วใช่มั้ย? แล้วก็ใช่…เพราะหนังก็มาพร้อมกับสูตรสำเร็จแบบเดิมที่เขาเคยใช้มาจากผลงานหนังเรื่องก่อน องค์ประกอบก็มาคล้ายเดิม แค่เพียงจากบอดี้การ์ดกับมือปืน มาเป็นเซลล์หนุ่มเห่ยกับนักฆ่าโหด

เป็นฉายาของนักฆ่าและนักทรมานเหยื่อรีดข้อมูล

รีวิวหนังฝรั่ง The Man From Toronto

รับบทโดย วูดดี้ ฮาร์เรลสัน เขารับงานจากนายหน้าหญิงคนเดิมมากว่า 20 ปี รับบทโดย เอลเล็น บาร์กิน จนเกิดเรื่องผิดคาดในวันหนึ่งเมื่อ โทรอนโตรับงานรีดข้อมูลจากเหยื่อที่กระท่อมหลังหนึ่ง แต่เผอิญที่ เท็ดดี้ แจ็กสัน รับบบทโดย เควิน ฮาร์ต เดินทางมาที่บ้านหลังนี้ก่อนเพราะดูบ้านเลขที่ผิด เข้าใจว่าเป็นกระท่อมที่เขาจะมาพักฉลองวันเกิดให้ภรรยา ทำให้ผู้ว่าจ้างเข้าใจผิดว่าเท็ดดี้เป็นโทรอนโต ซ้ำร้ายไปกว่านั้น FBI บุกบ้านที่เกิดเหตุ แต่ผู้ว่าจ้างส่งภาพของเท็ดดี้ไปให้หัวหน้าใหญ่เรียบร้อยแล้วว่าบุคคลในภาพนี้คือโทรอนโต FBI จึงบังคับให้เท็ดดี้เป็นสาย

สวมรอยเป็นโทรอนโตรับงานต่อเนื่องจากผู้ว่าจ้างเดิม เพื่อทาง FBI จะตามรวบตัวหัวหน้าใหญ่ ขณะเดียวกันโทรอนโตตัวจริงก็ตามสืบจนรู้ตัวตนของเท็ดดี้ และมั่นใจว่าผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอย่างเท็ดดี้ต้องทำแผนการเละไม่เป็นท่าแน่ จึงตามไปในปฏิบัติการที่ 2 เพื่อต้องการเผยตัวตนและทวงงานคืน และทำให้ทราบว่าเบื้องหลังการว่าจ้างครั้งนี้คือแผนการใหญ่ระดับชาติ ถ้าทั้งคู่ปล่อยให้บอสใหญ่ทำตามแผนสำเร็จจะมีผู้คนเสียชีวิตจำนวนมาก

จะว่าไป หนังแนวจับคู่ คนหนึ่งบู๊คนหนึ่งฮาแบบนี้ไม่เคยห่างหายไปจากฮอลลีวูดเลย เรื่องเด่น ๆ ที่พอจำกันได้ก็มี 48 Hrs (1982), Bad Boys (1995), Rush Hour (1998), Shanghai Noon (2000), Cop Out (2000),The Nice Guys (2016), Central Intelligence (2016) และแม้กระทั่งตัวผู้กำกับ แพทริก ฮิวส์ (Patrick Hughes) เองก็เพิ่งผ่านหนังแนวคู่หูอย่าง The Hitman’s Bodyguard ที่เพิ่งมีภาค 2 ออกมาเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ก็คงเป็นสาเหตุให้เขาเป็นตัวเลือกให้รับหน้าที่กำกับเรื่องนี้กระมัง

ถ้าพิจารณากันที่เนื้อหาแล้ว

รีวิวหนังฝรั่ง The Man From Toronto

หนังสามารถไปได้ในแนวแอ็กชันจริงจัง เพราะว่ากันด้วยเรื่องของโลกนักฆ่า ให้โทรอนโตนักฆ่ามืออาชีพต้องมาเจอกับวายร้ายบิ๊กเบิ้มที่มีแผนการร้ายระดับโลก ทำให้เขาเปลี่ยนใจมายับยั้งแผนการ นายหน้าจึงต้องส่งนักฆ่าอีกหลายคนมาตามเก็บเขาแทน แต่หนังเลือกที่จะมาทางคอมเมดี้ ด้วยการให้นักฆ่าต้องจับคู่กับยูทูบเบอร์ที่ไม่เคยประสบความสำเร็จอะไรสักอย่าง ออกมาเป็นภาพที่เราคุ้นตากันเป็นอย่างดี ฝ่ายหนึ่งพูดน้อยต่อยหนัก หน้าตาเคร่งเครียดตลอดเวลา อีกฝ่ายเป็นหนุ่มร่างเล็กเจ้าอารมณ์พูดไม่หยุด ซึ่งก็ได้ เควิน ฮาร์ต (Kevin Hart) นักแสดงผิวดำที่ถนัดมาก ๆ กับบทอย่างนี้ เรียกว่าบทเดิมเลยก็ได้ที่เขาแสดงร่วมกับ ดเวย์น จอห์นสัน ใน Central Intelligence

แต่ทั้งนี้ The Man From Toronto กลับกลายเป็นความบันเทิงที่สามารถตอบโจทย์ผู้ชมได้ตามต้องการ เพราะได้ทีมนักแสดงที่มีพรสรรค์มาช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวและหยอดมุกที่ขำบ้าง..ไม่ขำบ้างไปตลอดทั้งเรื่อง แน่นอนว่านี่ไม่ใช่บทที่ใหม่เลยสักนิดของ “เควิน ฮาร์ต” เราเห็นเขาเคยเล่นหนังแบบนี้มาหลายเรื่องแล้ว มันก็วน ๆ ซ้ำ ๆ อยู่แบบดื่ม แต่อารมณ์ขันและเสน่ห์ทางการแสดงของเขานั้น ก็ยังเป็นจุดเด่นที่่ช่วยประครองหนังเรื่องนี้ไปได้

ในขณะที่ “วู้ดดี้ ฮาร์เรลสัน” ที่บทนี้อาจจะไม่ใช่บทบาทที่ดีของเขา แต่นาน ๆ เราจะได้เห็นเขาเล่นบทที่เบาสมองอะไรแบบนี้ก็ดูเหมือนกัน ตัวละครของเขาเข้ามาเป็นส่วนเติมเต็มให้กับหนังเรื่องนี้ อีกฝั่งเป็นตัวโจ๊กมาเรียกเสียงหา และเขาก็เข้ามาเป็นตัวแทนของความขึงขังและดุดัน เมื่อทั้งคู่โคจรมาเจอในหนังเรื่องนี้ ก็กลายเป็นองค์ประกอบของคู่หูที่ค่อนข้างลงตัว

เมื่อหนังถูกตีกรอบให้อยู่ในเส้นทางคอมเมดี้และมีเรต PG-13 จำกัดอยู่

หนังก็เลยไม่มีภาพรุนแรงให้เห็นและคำหยาบให้ได้ยิน พอมีฉากรุนแรง หนังก็จะตัดภาพหรือให้ดูแค่สีหน้าตัวละครแค่นั้นพอ แม้โทรอนโตผู้ช่ำชองในการทรมานรีดข้อมูลเหยื่อ แต่ทุกครั้งที่จะลงมือเหยื่อก็ใจเสาะคายความลับเสียก่อน แล้วสุดท้ายบทก็พลิกบุคลิกให้โทรอนโตกลายเป็นหนุ่มจิตใจดีไปซะงั้นในครึ่งหลังของเรื่อง บรรดานักฆ่ารายอื่น ๆ ในเรื่อง ที่วางมาดวางฟอร์มมาเสียโหด แต่ก็ต้องเจอกับกฎเหล็กว่านี่คือหนังคอมเมดี้ ก็เลยกลายเป็นตัวตลกกันเสียหมด เสียท่าได้แม้กับตัวตลกเสียงดังอย่าง เท็ดดี้ แจ็กสัน โดยไม่มีเหตุผลใด ๆ ประกอบทั้งสิ้น

ผลก็คือ The Man From Toronto กลายเป็นหนังที่ให้รสชาติจืดสนิท ไปได้ไม่สุดทั้งแอ็กชันและคอมเมดี้ ฉากแอ็กชันก็ไม่ได้ชวนลุ้นเอาใจช่วย เพราะผู้ร้ายแต่ละคนก็ดูช่างไร้พิษสง มีดีหน่อยก็ The Man From Miami ที่ปูทางมาดูโหดมีฉากแอ็กชันยาว ๆ ให้โชว์ และนับว่าเป็นฉากที่ดีที่สุดในหนังแล้วล่ะ แต่บทลงเอยของไมอามี่ก็ช่างงี่เง่าสิ้นดี ฉากไคลแมกซ์ท้ายเรื่องดูเล่นใหญ่ใส่ระเบิดตูมตามแถมเล่นเทคนิคสุดคลาสสิกให้ตัวละครวิ่งแบบสโลว์โมชันก็ดูแบบผ่าน ๆ ไปไร้อารมณ์ร่วม หันมาดูพาร์ตคอมเมดี้ของหนัง ด้วยความยาว 1 ชั่วโมง 50 นาที หนังระดมยิงมุกถี่ ทั้งด้วยการแสดงแบบตั้งใจเอาฮาของ เควิน ฮาร์ต และบทพูดที่ออกจากปากของเขาที่ล้วนทำได้แค่เพียงรอยยิ้มมุมปากระหว่างชมเท่านั้น ไม่มีมุกไหนเลยที่สามารถเรียกเสียงหัวเราะได้สำเร็จ

ฉากในหนังที่ผู้เขียนประทับใจที่สุดคือฉากตอนจบที่เขากลับไป Live แล้วมีคนคอมเมนท์ว่าเขาเป็นนักฆ่าแล้วเขาทำท่าอ้วกจะพุ่งก่อนจะบอกว่าไม่เอานักฆ่าอีกแล้ว เพราะมันตลกดี ซึ่งการแสดงให้คะแนนเต็มสิบให้ร้อยเลยสำหรับนักแสดงหลักทั้งสองคนของนักฆ่าที่มีนิสัยเงียบขรึม จริงจังและลึกลับ กับตัวเอกที่ถูกจับพลัดจับพลูไปอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นที่พูดมากและบ่นมากชิบหาย แถมยังเอาตัวรอดแบบมั่วๆไม่รู้สี่รู้แปดอะไรกับเขาอีก

สนุกนะ การใช้ CG ภาพในเรื่องก็โคตรดี ทั้งฉากยิงกัน ฉากระเบิดรถ ฉากที่ผู้ชายตัวเอกของเรื่องพูดมากชิบหาย แต่นักฆ่าฝีมือดีเก่งกาจในด้านการฆ่าคนและการเอาตัวรอดก็ยังเชื่ออยู่นั้นแหละว่าหมอนี้คือนักฆ่ารวมถึงคนทุกๆคนในเรื่องที่เกี่ยวข้องและแก็งมาเฟียระดับใหญ่ด้วยและเรื่องราวยันขยายใหญ่โตไปกว่านั้นอีกเมื่อตำรวจและทีมงานสืบสวนสอบสวน FBI ก็เชื่อว่าตัวเอกคือนักฆ่าจริงๆทั้งที่ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยฆ่าใคร ไม่เคยทำอะไรได้สำเร็จ และไม่เคยทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอัน

หนังมีฉากฮาๆตลกๆหลายๆฉากเลย รีวิวหนังฝรั่ง The Man From Toronto

เหมาะมากสำหรับคนเส้นตื้นที่แค่สำเนียงและวิธีการพูดของหมอนี้ก็ทั้งฮาและทั้งน่ารำคาญแล้ว ก็เป็นหนังสายลับเนื้อหาเบาสมองผ่อนคลายอารมณ์ที่สามารถดูได้เรื่อยๆ วิธีการดำเนินเนื้อเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆมีการใช้กล้องถ่ายด้วยเลนกล้องหลายมุมและการใช้กล้องหลายตัวจับภาพเอาไว้ก่อนที่จะนำมาตัดต่ออยู่ ส่วนตัวมองว่าฉากแอ็คชันต่อสู้ยังไม่ค่อยเท่าไร เน้นฉากฮาๆตลกๆมากกว่า แต่ชอบการระเบิดรถ ยิงรถหรูๆราคาแพงกันเป็นพรุนดี

แนวแอคชั่น คอมเมดี้ อาชญกรรม เรื่องราวเกิดจากความเข้าใจผิดจนทำให้เท็ดดี้ต้องสวมรอยเป็นชายจากโตรอนโตนักฆ่าสุดโหด เท็ดดี้ตัวฮาของเรื่อง ชายที่ไม่เคยทำอะไรสำเร็จสักอย่างแต่กลับประสบความสำเร็จในการรีดเค้นข้อมูลเหยื่อซะอย่างนั้น ขณะที่ชายจากโตรอนโตก็จำต้องไว้ชีวิตเท็ดดี้และร่วมมือด้วยเพราะลูกค้าดันได้รูปหน้าของเท็ดดี้และเข้าใจผิดว่าเท็ดดี้คือชายจากโตรอนโตไปแล้ว แต่การร่วมมือกันของทั้งคู่กลับก็นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีซะอย่างนั้น แม้หนังจะการดำเนินเรื่องเป็นไปตามสูตรหนังตลกแต่ก็ยังคงสนุกอยู่ดี เป็นหนังที่ดูได้เพลิน ๆ ระหว่างทานอาหารหรือก่อนเข้านอน ช่วยคลายเครียดได้เลย แม้หนังจะไม่ถึงกับฮาก๊ากสุดขีด แต่ก็ทำให้หลุดขำได้ตลอดทั้งเรื่อง และเสียงพากย์ไทยก็ช่วยให้หนังตลกขึ้นด้วยค่ะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *