รีวิวหนังฝรั่ง Fear Street Part One

เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 1994 ในเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่งที่ชื่อว่า เชดี้ไซด์ โดยเริ่มจากในห้างสรรพสินค้าประจำของเมือง มีการก่อเหตุฆาตกรรม โดยมีเหยื่อเสียชีวิต 7 ราย และรวมถึงฆาตกรอีก 1 ราย  ดูหนังออนไลน์ ฆาตกรจะใส่หน้ากากหัวกะโหลก และถือมีดไล่แทงคนอย่างมาก แต่โชคดีที่ ดูหนังฟรี ตำรวจเข้ามาซะก่อน แล้วก็วิสามัญฆาตกรรมเจ้าฆาตกรคนนั้นไปได้  ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่มีโฆษณา

ภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่จัดฉายเป็นสามภาคต่อเนื่อง รีวิวหนังฝรั่ง Fear Street Part One

รีวิวหนังฝรั่ง Fear Street Part One

สัปดาห์ละภาคทางบริการเน็ตฟลิกซ์เรื่องนี้ หยิบเอาตำนานการฆ่าโหดแห่งเมืองเชดี้ไซด์ให้กลับมาคืนชีพอีกครั้ง เริ่มต้นที่ภาคแรก ‘Fear Street Part I: 1994‘ หรือชื่อไทย ‘ถนนอาถรรพ์ ภาค 1: 1994’ ผลงานจากผู้กำกับหญิง Leigh Janiak ผลงานของเธอมีไม่มากนัก แถมยังไม่เคยเข้าฉายเมืองไทย แต่ความแปลกใหม่ฉายสัปดาห์ละภาคเช่นนี้ ฉุดความสนใจสร้างให้เป็นจุดขายดีนักแล

เรียกได้ว่าประเทศไทยในเดือนกรกฎาคมปีนี้นับเป็นการเปิดศึกแย่งชิงคนดูจากสตรีมมิงชั้นนำถึง 2 ค่ายโดยเฉพาะเจ้าใหม่ขายคอนเทนต์มหาชนอย่างดิสนีย์พลัสฮอตสตาร์ (Disney+Hotstar)ท่ี่เอาซีรีส์ฮีโรมาร์เวลและบรรดาแอนิเมชันดิสนีย์มาเสิร์ฟเอาใจแฟน ๆ ที่รอมานาน กระนั้นก็ใช่่ว่าเจ้าตลาดเดิมอย่างเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) จะไม่ทำอะไรเลย

เพราะยังมีคอนเทนต์เด็ดฟอร์มยักษ์อย่างการส่งหนังออริจินัลไตรภาคที่ฉายแบบวีคชนวีคอย่าง ‘Fear Street’ ที่ดัดแปลงจากนิยายของ อาร์ แอล สไตน์ (R.L. Stine) เจ้าของผลงานฮิตอย่าง ‘Goosebump’ มาให้ชมกันโดยได้ ลีห์ ยาเนียค (Liegh Janiak) ผู้กำกับสาวขาโหดจากซีรีส์ ‘Scream’ มากุมบังเหียนเล่าเรื่องสยองผ่านหนัง 3 ภาคได้แก่ 1994, 1978 และ 1666 เพื่อบอกเล่าเรื่องสยองจากอาถรรพ์แม่มดซาราห์ เฟียร์ที่เกี่ยวพันกับเหตุฆาตกรรมในเมืองเชดีไซด์ (Shadyside)มาร่วม 300 ปี

ในขณะที่นักเรียนของเมืองเชดี้ไซด์กำลังนั่งรถบัสของโรงเรียนกลับ

รีวิวหนังฝรั่ง Fear Street Part One

แฟนใหม่ของแซมก็ขับรถตามมารังควาน แต่ก็เกิดอุบัติเหตุรถของแซมตกข้างทางคนในรถบาดเจ็บ ส่วนแซมถึงกับเลือดออกปาก ในระหว่างที่แซมมีสติกับไม่มีสติ แซมได้เห็นภาพบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับตำนาของซาร่าห์ เฟียร์ แม่มดที่เป็นเรื่องเล่าของเมือง จากนั้นแซมถูกนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล

หลังจากที่ทุกคนแยกย้าย ดีน่าสังเกตุว่ามีคนสวมหน้ากากผีมาป้วนเปี้ยนแถวบ้าน เธอคิดว่าเป็นแฟนของแซมที่ยังตามมารังควานเธอไม่เลิก เธอจึงไปโรงพยาบาลเพื่อเคลียร์กับแซม แต่เมื่อไปถึง ก็รู้ว่าคนใส่หน้ากากผีนั้นไม่ใช่แฟนของแซม แต่มันคือฆาตรกรปริศนาที่ถือมีดไล่ฆ่าคน โดยเฉพาะดีน่า แซม และพวกพ้องของเธอ

สำหรับ ‘Fear Street’ ในภาคแรกจะบอกเล่าเรื่องราวในปี 1994 โดยมีฉากหลังเป็นเมืองเชดี้ ไซด์ที่เพิ่งเกิดเหตุฆาตกรรมสยองและมันยังลามไปสู่ความขัดแย้งของนักเรียนมัธยม 2 กลุ่มคือไชดี้ ไซด์ย่านเสื่อมโทรมกับซันนี่เวล (Sunnyvale) ย่านคนรวย ซึ่งตัวหนังมีศูนย์กลางอยู่ที่ความสัมพันธ์ระหว่าง ดีนา (เคียนา มาเดียรา – Kiana Madiera) สาวจากย่านเสื่อมโทรมที่ต้องมาช่วย แซม (โอลิเวีย สก็อตต์ เวลช์ – Olivia Scott Welch) แฟนสาวของเธอที่ถูกฆาตกรจากคำสาปของซาราห์ เฟียร์ตามล่า

 เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ไตรภาคระทึกขวัญที่น่าติดตามภาคต่อไปเป็นอย่างมาก

รีวิวหนังฝรั่ง Fear Street Part One

ผูกปมและทิ้งท้ายปมใหญ่ไว้ภาคต่อไปได้น่าติดตามต่อ เนื้อเรื่องในตอนช่วงแรกๆ ของเรื่องดูอาจจะงงๆ ดูไม่น่าใช่ปมใหญ่อะไรมากหนัก แต่พอมาตอนท้ายๆ เรื่องก็ทิ้งปมใหญ่ไว้ให้คนที่รับชมอยากจะดูภาคต่อไป การดำเนินเนื้อเรื่องในช่วงแรกรู้สึกว่าจะเอื่อยๆ ไปนิดนึง มีบางฉากที่ก็เอ๊ะ ตะหงิดใจอยู่บ้าง

จะใส่มาทำไมบ้าง ฉากไล่ฆ่าภายในเรื่องก็ชวนให้ตื่นเต้นไปกับตัวละคร ลุ้นไปเหมือนกันว่าตัวละครจะตายไหม จะฆ่าตัวละครไหนทิ้งหรือไม่ แต่พอเริ่มมาตอนท้ายเรื่อง ก็รู้สึกว่าการดำเนินเนื้อเรื่องดำเนินไปเร็วมาก รวบรัด จนทิ้งความตื่นเต้น ลุ้นระทึกไป แต่กลับมาแทนที่ด้วยความงง งงเพราะในความรู้สึกของผู้เขียนเอง ลุ้นให้ตัวละครหนึ่งรอดจากการตามฆ่าได้ พอรอดมาได้แล้ว ก็เกิดเหตุอีกจนเป็นเรื่องวุ่นวายต่อไป แต่ก็ดูเป็นไปตามฉบับหนังระทึกขวัญ ความรู้สึกที่ตามมาคือ ความลุ้น ความสงสัย และความน่าติดตามต่อไปว่า เรื่องราวในปี 1978 นั้นเป็นอย่างไร เพราะก็มีการเกริ่นไปในเรื่องแล้วว่า มีคนรอดชีวิตมาก็จริง แต่แม่มดจะไม่หยุดตามฆ่าแน่นอน ก็น่าติดตามต่อไปว่า แซม และดีน่า จะรอดได้กลับมาเป็นปกติไหม

หนังเล่าเรื่องสองเมืองที่อยู่ข้างกัน เชดี้ไซด์ ที่กลายเป็นเมืองนักฆ่า ขณะที่ซันนี่เวล เป็นเมืองที่เงียบสงบ ไม่มีเหตุฆาตกรรมร้ายแรงมายาวนาน 30 ปี เหตุฆาตกรรมอันน่าสยดสยองเกิดขึ้นอีกครั้งในห้างอันเงียบเหงา เจ็ดคนโชคร้ายถูกฆ่าตายในนั้น ขณะที่คนร้ายก็ถูกยิงตายคาที่เช่นกัน เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นตรงนี้ภาคต้นที่บอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน (ปี 1994) เหตุสังหารหมู่สุดสยองที่เกิดขึ้นในห้างเชดี้ไซด์มอลล์ เดินเรื่องตัดต่อด้วยวิธีการแบบชวนสะดุ้งตกใจด้วยเสียงประกอบตึงตัง กับภาพของการหนีการไล่ฆ่าของฆาตกรชุดดำหน้ากากผี ตัวละครที่ร้องโหวกเหวกและภาพการฆ่าแบบจะๆ

สำหรับภาพรวมของหนังภาคแรกต้องบอกว่าลีห์ ยาเนียคได้แรงบันดาลใจจากหนังไล่เชือดยุค 90s หลายเรื่องทั้ง ‘Scream’ ที่เธอได้ทำฉบับซีรีส์ หรือกระทั่ง ‘I know what you did last summer’ หนังไล่เชือดเรื่องดังของยุคสมัยซึ่งสำหรับฉากสยองขวัญต่าง ๆ ต้องบอกว่าหนังทำออกมาได้โหดสะใจคอหนังสยองขวัญมาก ๆ ทั้งเลือดทั้งชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์จัดเต็มไม่ยั้ง

แต่กระนั้นสำหรับพัฒนาการตัวละครแล้วก็ต้องบอกว่าตัวหนังไม่ค่อยจะให้ตัวละครได้มีพัฒนาการเท่าที่ควร

ยังไม่ค่อยมีมิติมากนักทั้งที่บทหนังเอื้อให้เล่าเรื่องความต่างทางชนชั้นและการบริหารงานราชการที่ไม่เป็นธรรม แต่มันก็เลือกที่จะเดินหน้ากับเกมไล่ฆ่าไล่เชือดมากกว่าซึ่งหนังก็ทำได้ดีในระดับหนึ่งมีความน่าตื่นเต้นปน ๆ กับสาปส่งในความโง่ของตัวละครเป็นพัก ๆ

จากที่ดูใน Partที่ 1 รู้สึกว่า เขาสามารถดึงเอาเสน่ห์หนังแนวไล่เชือดยุค 80s – 90s มาใช้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะอนุภาคหรือองค์ประกอบที่สมควรมีอยู่ในหนังแนวนี้เช่น มักจะเป็นเรื่องราวของวัยรุ่นที่กำลังเรียนอยู่ในมัธยมปลายหรือระดับมหาวิทยาลัย วัยรุ่นเลือดร้อนทำอะไรแผลง ๆ การแผดเสียงกรี๊ดของหญิงสาวที่กำลังถูกคนร้ายไล่ฆ่า ฆาตรปริศนาถืออาวุธง่าย ๆ อย่างมีด หรือขวาน ที่เราไม่รู้ว่าเป็นใครในตอนต้น แต่พอเฉลยก็ทำเราตกใจคาดไม่ถึง และฉาก เลิฟซีน แบบนิด ๆ หน่อยพอวาบหวิดที่ไม่มีไม่ได้

หนังมีวิธีการแก้ปัญหาหรือการจัดการกับสถานการณ์ที่คนข้างชาญฉลาด เขาใช้ความสารถของตัวละครแต่ละคนได้ดี เช่นเด็กเนิร์ดคอมพิวเตอร์ที่ชอบเสพเรื่องราวปริศนาของเมือง ที่ชื่อว่าจอชน้องชายของดีน่า เป็นเด็กที่มีเสน่ห์กับเรื่องไม่น้อย และดูเหมือนว่าจะฉลาดเกินไปซะด้วย ความสัมพันธ์ของตัวละครนั้นกก็ดูสมัครสมานสามัคคีกันดี

หนังดูได้เรื่อย ๆ ดำเนินเรื่องสนุก รีวิวหนังฝรั่ง Fear Street Part One

ช่วงกระตุ้นอารมณ์ทำได้ดี เล่าเรื่องเร็ว กระชับ ตอนจบมีการส่งต่อไปยังพาร์ทต่อไปก็ทำได้ดีมาก และก็เป็นในแบบฉบับที่หนังยุค 90s ที่ชอบทำกันคือ ดูเหมือนว่าทุกอย่างจบแต่ก็มีอะไรบ้างอย่างเกิดขึ้นในส่วนของเรื่องงานภาพ โดยส่วนตัวของผู้เขียนนั้นก็ไม่ได้ว้าวอะไรมากนัก CG ในเรื่องก็สมจริงมีลอยๆ บ้างในบางฉาก พาเราย้อนกลับไปในยุค 90 ได้ดี

หนังระทึกขวัญอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ ซาวน์ประกอบภายในเรื่อง หากใส่ประกอบไปได้ถูกจังหวะก็จะเพิ่มความลุ้นระทึกไปได้มาก ซึ่งภายในเรื่องนี้เองก็ใส่ซาวด์เอฟเฟคได้ดี ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เรื่องลุ้นระทึก ตกใจ และลุ้นไปตามเนื้อเรื่อง จุดพีคในเรื่องสำหรับผู้เขียนเองรู้สึกว่า พีคมาก รู้สึกว่าจะมีจุดที่พีคอยู่ด้วยกัน 2 จุดด้วยกัน ขอแอบกระซิบเลยว่า อึ้งไปกับการเฉลยไปค่อนข้างเยอะอยู่เช่นกัน ส่วนปมของแม่มดที่ทิ้งไว้ในภาคต่อไปอันนี้ก็ดูเป็นปมใหญ่ของเรื่องที่น่าติดตามต่อไปมาก ฆาตกรที่เรื่องดีไซน์มากภายในเรื่องก็ได้เห็นความโหดยังไม่มากนักเท่าไหร่นัก วิธีการฆ่าจะเริ่มโหดๆ ก็เป็นตอนท้ายเรื่องเลย ที่วิธีที่ฆ่ารู้สึกว่าโหดมากๆ

งานไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตถูกจัดขึ้น ก่อนที่ดีน่าจะได้พบกับแซมแฟนเก่า และได้เห็นว่าเธอได้พบรักใหม่ เหตุการณ์คงไม่บานปลาย ถ้าแซมกับแฟนใหม่ไม่ตัดสินใจขับรถกลับมาป่วนจนเกิดอุบัติเหตุ และส่งผลให้แซมมองเห็นภาพนิมิตของแม่มดจนเกิดเหตุจะว่าไป หนังก็ตัดต่อได้ดีอยู่นะ การใช้เพลงประกอบชวนดูวัยรุ่นในสมัยเก่าดี ปรับเปลี่ยนอารมณ์ไปเรื่อยๆ ใช้วิธีสลับสองเหตุการณ์ไปมาที่ชักชวนให้ลุ้นระทึก แต่สิ่งที่ชวนตะหงิดใจก็คือ บทพูดและการกระทำ แน่นอนว่า มันจะต้องมีตัวละครที่ทำอะไรโง่ๆ น่ารำคาญชวนหงุดหงิดอะไรแบบนี้เข้ามาในเรื่อง แต่สิ่งหนึ่งที่พอมองเห็นก็คือ ความจงใจแบบแปลกๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *