รีวิวหนังผีฝรั่ง It Chapter 2

สำหรับผม It Chapter Two เป็นหนึ่งในหนังสยองขวัญ ที่ผมคิดว่าอยู่อันดับต้นๆของหนังสยองขวัญเลย วันนี้เราเลยจะมา รีวิวหนังผีฝรั่ง ให้กับเพื่อนๆ ที่ยังไม่เคยรับชม เราหวังว่าเพื่อนๆจะไปลองรับชมกันนะครับ แต่ผมคิดว่าคนส่วนมากก็ต้องเคยดูกันมาแล้วแหลเพราะมันค่อนข้างจะดังมากๆเลยโดยทั่วๆไปแล้วอะนะ แต่ถ้าใครยังไม่เคยรับชมวันนี้เรามาแนะนำและสปอยแบบเต็มๆเน้นๆกันไปสุดๆเลยครับ

กลับมาอีกรอบ กับ ภาพยนตร์สยองขวัญที่ทุกคนรอ IT Chapter มันโผล่จากแดนนรก 2 จาก ตัวตลกเพนนีไวส์ที่ ได้แพ้ให้กับ แก็งค์เด็ก แล้วก็ ถึงเวลาที่มันจะกลับมาอีกที และก็

ในภาคนี้จะเป็นผลสรุปของเรื่องราวสําคัญ ภาคต่อของ หนังสยองขวัญ รวมทั้ง มันกําลังกลับมา ก่อกวนอีกทีที่ ชั่วร้าย ๆ กว่าเดิม

เรื่องราว 27 ปีถัดมา แก็งค์เด็กขี้แพ้ได้โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว นับได้ว่าเป็น 3 ทศวรรษ ที่ ไม่มี สถานะการณ์ ตัวตลกเพนนีไวส์ แล้วก็ พวกเขา จำต้องมารวมตัวกันอีกที

เพื่อประจันหน้ากับความกลัว อีกรอบ เมื่อได้ทราบว่า ตัวตลกเพนี ไวส์ กลับอีกแล้ว หากแม้เวลาจะผ่านไปนานมากแค่ไหน ความน่าสยดสยองก็ยังอย่างเต็มเลย

หากว่า พวกเขาจะบากบั่นหนีสิ่งที่ตามหลอกมานาน เลย จะต้องทําให้พวกเขาจะต้องคิดแผน จัดแจงกับมันอีกที ไม่ เพียงแค่ ท่าเพื่อเอาชนะอสุรกาย ตัวตลก แค่นั้น

แม้กระนั้นยัง ซึ่งก็คือ การเอาชนะ ความหวาดกลัว ของตนอีกด้วย และก็ เป็นมิตรภาพของพวกเขา เพื่อเอาชนะเพนนีไวส์ให้ได้อีกรอบ แต่ว่า การกลับมารวมตัวกันต่อสู้กับมัน บางทีอาจ ไม่ง่ายเสมือนก่อนหน้านี้ เนื่องจาก มันเพิ่ม ความสยองขวัญ มากยิ่งกว่าเดิม

it 2 เรื่องย่อ เรื่องราว ต่อจากภาคก่อนเลยนะครับ ผ่านมา 27 ปี ที่ทุกคนต่างเป็นวัยผู้ใหญ่กันหมด งานการป้อม คงจะ บาง บุคคล แต่งงาน จนกระทั่ง หลงๆลืมๆ

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวัยเด็ก แม้กระนั้นมีสิ่งหนึ่ง ที่เก็บรวบรวม พวกเขากลับมา ได้ก็คือ ไมค์ ที่อยู่ที่เมืองเดิม รอ คอยการกลับมาของ มัน แล้วก็อยาก ปราบมันให้หมดสิ้น

ในหนังเล่าถึงการก ลับมา ของ แต่ละคน และก็เล่าเหตุการสับเปลี่ยนไปๆมาๆ ในตอนวัยเด็ก ให้ พวกเรามองเห็นถึงเรื่องในอดีต ของนัก แสดงนั้นๆ ว่า กําเนิดอะไรขึ้นบ้าง

ในตอนวัยเด็ก ซึ่งแต่ละคนก็พบวัยเด็กที่แตกต่างไป และจะพบ มัน ในแบบ อย่างที่ไม่เหมือนกับเดิม แปลงเป็นว่าความกลัว ได้บังทุกสิ่งทุกอย่าง

ในวัยผู้ใหญ่ที่มีความหวาดกลัวเพิ่มมากขึ้น ไม่ราวกับตอนเด็ก มันก็เล่นกับจิตใจ พวกนี้ และก็ออกจะแน่ใจว่ามันจําเป็นต้องชนะแน่ๆ

สิ่งที่พวกเราถูกใจเป็น หนัง ไม่เหยียดหยามปัญญา หรือ บากบั่น สอนผู้ชม มิได้แออัดยัดเยียดให้พวกเราจะต้อง กล้าในสิ่งที่ควรจะกลัว

แต่ว่าสิ่งที่หนังทําเป็น เค้าทําให้พวกเราได้ค้นหา ตนเอง รวมทั้ง ตรวจสอบ จิตใจ ไป พร้อม ด้วยนักแสดง หรือ จะกล่าวว่า ได้ ทําความเข้าใจ แล้วก็เติบโต ไป พร้อมเพียงกันเลย

ก็ไม่ผิดนัก จะพูดว่า พวกเรา ผูกพันกับนักแสดง ไป และจากนั้นก็ใช่ จะกล่าวว่า มันราวกับ พวกเราเป็นตัวละครนั้นๆ จริงๆ มาก่อนก็ใช่

อย่างไรก็ดี มันเชิญชวนให้พวกเรา ต้องการลุ้นต้องการติดตาม มีความจําอะไรบ้างในวัยเด็ก บ้าง ที่พวกเราเลือกจะลืม/เลือก จะจ่า แล้วก็ พวกเราจะก้าวผ่าน ผ่าน หรือ ต่อสู้กับ ความหวาดกลัว หรือ ความรู้สึกตัวว่าตัวเองผิด ในใจตนเอง ได้มั้ย

จะกล้าเห็นด้วย ในสิ่งที่ตนเองเป็นไปได้ไหม ในส่วนของ ดาราวัยเด็ก ยังคงสืบต่อก้าวหน้า ทั้งยังรูปพรรณสัณฐาน ความน่ารักน่าเอ็นดู ผ่องใส กวนๆ

ราวกับ ภาค แรก ไม่มีเปลี่ยนแปลง (ถึงแม้อายุเด็กจะมากขึ้นจากการถ่ายทํา แทบ สอง ปี) หนังพาไปพบกับ ข่วง ต่อจากฉากจบ ภาคแรก และพาไปพบกับเรื่อง

พบเพนนีไวซ์ในมุมที่ยังมิได้เผยออกมา ซึ่งท่าเป็น โอเคอยู่ แต่ก็มิได้ดีหรือ สดใหม่ ท่า กับภาคแรก (อย่างฉาก ห้อง ดูหนัง สุด น่ากลัว) หนังกลับมา ใช้ความแหวะมาทําให้มองน่าขนลุกมากยิ่งกว่า

IT Chapter 2 ภาคต่อที่เป็นบทสรุปของเรื่องราว ซึ่งตามนิยายของ สตีเฟนคิง จะเป็นเรื่องราวเดียวกันโดยใช้ช่วงผู้ใหญ่นำ ก่อนตัดสลับไทม์ไลน์ช่วงเด็กกลับเข้ามา

แต่ในหนังภาคก่อนจะเปลี่ยนใหม่ โดยเริ่มเรื่องในช่วงวัยเด็กเพียงอย่างเดียว แต่ก็เป็นหนังที่ดัดแปลงจากนิยายได้ดีเกินคาดมาก

ซึ่ง IT เป็นหนังแนว Coming of age +แนวสยองขวัญ ซึ่งกำลังเรียกว่าเป็นสูตรฮิตมาตั้งแต่ซีรีส์ Stranger Things ที่ลง Netflix ทำจนดังระเบิด

โดยนักแสดงจากเรื่องนี้ก็มาเล่นใน IT ด้วย (น้องใส่แว่นริชชี่) แต่สำหรับภาคต่อสูตรนี้ก็ไม่สามารถเอามาใช้เป็นพล็อตเรื่องหลักได้อีกแล้ว

เนื่องจากเรื่องเดินหน้าไปช่วงวัยผู้ใหญ่รุ่นพ่อแม่วัยกลางคนเข้าไปแล้ว แต่หนังก็พยายามใช้ภาพความทรงจำแฟลชแบ็คกลับไปยังช่วงวัยเด็ก

หามุมที่ยังไม่ได้เล่า เอามาผสมเข้ากับเรื่องราวปัจจุบัน ซึ่งก็มีทั้งส่วนที่ทำได้ดี และส่วนที่รู้สึกว่าจงใจยืดเรื่องมากไปเหมือนกัน

It: Chapter 2 เป็นหนังยาวเกือบสามชั่วโมง แต่ไม่น่าเบื่อ ดูแล้วมีความอิ่ม การทำหนังจากหนังสือมันไม่ง่าย แต่เค้าทำออกมาได้ดีและมีบทสรุปที่น่าพึงพอใจมาก

คุ้มกับเงินและเวลาที่ใช้ไป โดยส่วนตัว ชอบภาคนี้มากกว่าภาคแรกนิดหน่อย แต่ว่าแต่ละภาคก็มีฟีลลิ่งของใครของมัน รวม ๆ เกลี่ย ๆ แล้ว ก็ให้คะแนนไม่ต่างกันมาก โดยส่วนตัวผมชอบมากๆให้เลย 9.5/10