รีวิว The Space Between Us

บนจักรวาลอันไกลโพ้นเมื่อความเหงาเป็นขั้วบวกขั้วลบทำให้ การ์ดเนอร์ เอลเลียต หนุ่มดาวอังคาร พบ ทัลซา เด็กสาวชาวโลกผ่านแชทจนเกิดเป็นความรัก แต่เมื่อได้โอกาสกลับมาบนโลก ทางการกลับกักตัว เอลเลียต จนเขาต้องหนีมาพบทัลซา ซึ่งแม้ เพิ่งพบหน้าแต่โชคชะตาก็พาทั้งคู่หนีทางการเพื่อตามหาพ่อเอลเลียต และดั่งนรกชังหรือสวรรค์แกล้ง ที่บรรยากาศของโลกไม่เหมาะกับการดำรงชีวิตของหนุ่มดาวอังคาร ทำให้ทั้งคู่ต้องแข่งกับเวลาก่อน เขาหมดลมหายใจ ดูหนัง

 

The Space Between Us หรือชื่อไทย รักเราห่าง(แค่)ดาวอังคาร หนังไซไฟของผู้กำกับ ปีเตอร์ เชลซอม (Peter Chelsom)  ซึ่งเคยมีผลงานหนังรักข้ามภพอย่าง Serendipity (2001) มากำกับเรื่องราวโรแมนติกชวนฝันระหว่างหนุ่มดาวอังคารกับสาว ชาวโลก ที่จุดเด่นสำคัญคือการวางปมอุปสรรคความรักที่คราวนี้เล่นกับกลไกทางวิทยาศาสตร์ทั้งระยะห่างข้ามจักวาลและเงื่อนไขทางกายภาพที่ทำให้พระนางอยู่ด้วยกันได้ยากถือเป็นไอเดียที่น่าสนใจ  แต่บทภาพยนตร์ของ อัลเลน โลเอบ

 

(Allen Loeb) กลับขาดความเป็นออริจินัลและตรรกะวิบัติในหลายส่วน ทั้งเรื่องราวมนุษย์บนดาวอังคารที่ก็ต้องยอมรับว่าได้อิทธิพลมาจาก The Martian (2015) ของ ริดลีย์ สก็อตต์  แต่ดันโป๊ะแตกแง่ตรรกะตั้งแต่ประเด็นเรื่องการติดต่อโลก โดยหาก

 

รีวิว The Space Between Us

 

ยังจำกันได้ใน The Martian (2015) สัญญาณคลื่นวิทยุจะมีการดีเลย์ถึง 13 นาทีทำให้ไม่สามารถติดต่อกันได้แบบเรียลไทม์ตามหลักของความเป็นจริง แต่ในหนัง The Space Between Us เอลเลียตกับทัลซากลับแชทหากันได้แบบทันทีทันใด

 

รวมทั้งการหยิบยืมพลอตหนังไซไฟมาตัดแปะทั้ง พลอตทางการออกตามล่าเอเลียนที่ไม่อยากให้โลกรู้ หรือประเด็นหลักของเรื่องอย่างความรักข้ามทางช้างเผือกที่หนังฮอลลีวูดเล่ากันมาจนเฝือ บทหนังก็ยังไม่สามารถทำให้เราเชื่อได้ ตั้งแต่เห็นทั้งคู่แชท

 

เหมือนรู้จักกันชาติเศษ โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารู้จักกันตอนไหนเพราะอะไรถึงรู้สึกดีต่อกัน  ซึ่งนั่นแค่จุดเริ่มต้นของมหกรรมตรรกะวิบัติ เพราะพอหนังให้พระเอกกลับโลก ก็แทบโยนเหตุผลทิ้งตามกาแลคซี ทั้งการพบกันครั้งแรกที่ทัลซาแสดงท่าที ฉันไม่ง่าย..

 

รีวิว The Space Between Us

 

แต่ก็ได้ไม่ยาก เพราะเธอเล่นตัวไม่กี่นาทีก็พาเขาหนีตำรวจข้ามประเทศ ขโมยรถทุกคันที่เห็นอย่างง่ายดายแถมขโมยเงินและแท็บเล็ตใช้งานแบบไม่มีทางถูกจับได้ จนต้องทำใจว่านี่คงเป็นหนังไซไฟที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุดและเป็นหนังโรแมนติกที่เราไม่เชื่อในความรักของพระนางที่สุด  แต่ในความวิบัติยังคงหลงเหลือความดีงามที่การกำกับไหลลื่นและงานภาพสวยงามชวนฝัน จนทำให้มันไม่กลายเป็นหนังที่น่าเบื่อจนเกินไปนัก ดูหนังออนไลน์

 

สำหรับจุดขายของหนังต้องยอมรับว่าเป้าหมายของหนังเรื่องนี้คือสาวน้อย สาวใหญ่จริงๆ โดยเฉพาะการเลือก อาซา บัตเตอร์ฟิลด์ (Asa Butterfield) จาก Hugo (2011) และ Ender’s Game (2013) มารับบท  การ์ดเนอร์ เอลเลียต หนุ่มดาวอังคาร

 

ร่างอรชรอ้อนแอ้นนัยน์ตาชวนฝัน โดยนอกจากเหตุผลรองรับเรื่องสรีระที่คนอยู่บนดาวอังคารจะไม่ค่อยมีมวลกล้ามเนื้อแล้ว ก็เชื่อว่าผู้สร้างเลือกเขาเพราะบทภาพยนตร์ได้แรงบันดาลใจจากหนังเรื่อง Wings of Desire (1987) ของผู้กำกับ วิม เวนเดอร์

 

รีวิว The Space Between Us

 

หนังโรแมนติกคลาสสิค (ซึ่งในหนัง การ์ดเนอร์ ชอบดูเป็นประจำ) หนังเลยให้ภาพของ การ์ดเนอร์ เหมือนเทพบุตรจากดาวอังคารมามีความรักกับมนุษย์โลกเป็นการเปรียบเปรยกับหนังคลาสสิคของเยอรมันเรื่องดังกล่าวได้อย่างน่าสนใจ เปิดโอกาสให้ อาซา ได้หมั่นบริหารเสน่ห์บนจอทั้งความเฉิ่ม ความซื่อแบบบุคลิกบ้านนอกเข้ากรุงผสมผสานกับการแสดงความรักต่อทัลซา ช่วยให้หนังดูน่ารักเพลิดเพลินจนสาวๆน่าจะเผลอใจอยากสิงตัวเองเป็นทัลซาไปทั้งเรื่อง ดูหนังฟรี

 

ในทางกลับกัน บริต โรเบิร์ตสัน (Britt Robertson) จาก Tomorrowland (2015) ที่มารับบท ทัลซา ซึ่งหนังถ่ายเธอออกมาชราภาพเกินกว่าวัยและขาดเสน่ห์อย่างรุนแรง รวมถึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องราวชีวิตตัวละครเลย ทำให้คนดูไม่ผูกพันและ

 

อยากเอาใจช่วยเธอเท่าใดนัก นอกจากนี้หนังยังได้นักแสดงรุ่นใหญ่มารับสมทบเพื่อเสริมความน่าสนใจ อย่าง แกรี โอลด์แมน (Gary Oldman) ในบท นาธานเนียล เชพเพิร์ด นักวิทยาศาสตร์เจ้าของโครงการสำรวจดาวอังคารผู้กุมความลับของการ์ด

เนื้อเรื่องหนัง รีวิว The Space Between Us

 

 

เนอร์ ที่น่าเสียดายว่าแม้ โอล์ดแมนจะให้การแสดงที่หนักแน่นและน่าเชื่อถือแค่ไหน แต่การที่หนังปูพื้นตัวละครไว้คลุมเครือก็ทำให้บทสรุปของมันไม่น่าเชื่อถือเท่าใดนัก ต่างจาก คารา กูจิโน (Carla Gugino) ในบท เคนดรา ไวน์แฮม ผู้ปกครอง การ์ดเนอร์ เว็บดูหนัง

 

บนดาวอังคารที่แม้บทภาพยนตร์จะไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าใดนักแต่เธอกลับทำให้คนดูรู้สึกได้ถึงความรักและเมตตาที่เธอมีต่อหนุ่มน้อยบนดาวอังคารได้อย่างน่าประทับใจ มิหนำซ้ำหนังยังให้ภาพ คารา กูจิโน ออกมามีเสน่ห์กว่านางเอกของเรื่องเสียอีก แม้ว่าในภาพรวม The Space Between Us จะยังขาดๆเกินๆทั้งในแง่ความเป็นหนังไซไฟหรือโรแมนติก แต่การมีอยู่ของ อาซา บัตเตอร์ฟิล์ด น่าจะทำให้ผู้ชมโดยเฉพาะสาวๆ ตกในภาวะ “เคลิ้มสุข” เหมือนเพิ่งกลับจากดาวอังคารได้ไม่ยาก

 

เราคงเคยได้ยินคำว่า “ผู้ชายมาจากดาวอังคาร” กันอยู่บ่อย ๆ ทั้งจากโทรทัศน์ ภาพยนตร์ และวรรณกรรมต่าง ๆ ซึ่ง The Space Between Us ผลงานการกำกับของ ปีเตอร์ เชลซอม ก็เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์โรแมนติก – ไซไฟที่วางฉากหลังของเหตุการณ์ให้เกิดขึ้นบนดาวเคราะห์สีแดงดวงนี้เช่นกัน

 

 

The Space Between Us เป็นเรื่องราวของ การ์ดเนอร์ (รับบทโดย เอซ่า บัตเตอร์ฟิลด์) เด็กชายที่เกิดจากมนุษย์อวกาศสาวผู้เดินทางไปทดลองใช้ชีวิตที่ดาวอังคาร และด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแอเกินกว่าจะนำขึ้นยานอวกาศกลับสู่โลก เขาจึงถูกเลี้ยงดู

 

และเติบโตมาบนดาวอังคาร จนกระทั่ง 16 ปีต่อมา การ์ดเนอร์เริ่มเบื่อหน่ายชีวิตที่ซ้ำซากจำเจบนดาวอังคาร เขาจึงเดินทางกลับมาที่โลกและออกตามหาพ่อ โดยมี ทัลซ่า (รับบทโดย บริท โรเบิร์ตสัน) สาวไฮสคูลและเพื่อนแชทในโลกโซเชียลของเขา

 

คอยให้การช่วยเหลือ ทั้งคู่ออกเดินทางไปด้วยกัน และเผชิญหน้ากับอุปสรรคต่าง ๆ นานา ก่อนที่ความใกล้ชิดจะก่อตัวเป็นความรู้สึกดี ๆ ระหว่างหนุ่มดาวอังคารและสาวชาวโลก จะว่าไปแล้ว The Space Between Us ถือเป็นภาพยนตร์สัจนิยมมหัศจรรย์ที่วางโครงเรื่องแบบการผจญภัยข้ามดวงดาว ซึ่งเป็นแนวภาพยนตร์ที่พบได้ดาษดื่นอยู่ไม่น้อย แต่ความพิเศษของภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ที่การสอดแทรกความโรแมนติกและ เว็บดูหนังฟรี

 

ความดราม่าเข้ามาถ่วงสมดุลได้อย่างเหมาะเจาะ โดยที่ตัวหนังไม่ได้เสียความเป็นไซไฟ และ CG สวย ๆ ไป นอกจากนี้ บทบาทของตัวละครหลักอย่างการ์ดเนอร์ ยังถูกปรุงแต่งให้มีหน้าที่สะท้อนแนวคิดเรื่อง Coming of Age ผ่านการเดินทางร่วมกับ

 

นางเอกสาวแบบ Road Trip ทำให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ภายในตัวเอง ได้เห็นและเข้าใจความเป็นไปของโลกมากยิ่งขึ้น การที่การ์ดเนอร์มักจะตั้งคำถามกับคนที่เขาพบเจออยู่เสมอว่า “What’s your favorite thing about the Earth ?” ไม่ใช่เพียง

 

ผลงานของหนังเรื่องนี้ รีวิว The Space Between Us

 

การแสดงความสนใจใคร่รู้ของเขาที่มีต่อโลก หากแต่ยังทำให้เราในฐานะผู้ชม (และเป็นชาวโลกโดยกำเนิด) ได้หวนกลับมาตั้งคำถามว่า เราประทับใจอะไรในสิ่งที่เราคุ้นเคยมานานแสนนาน เพราะบางครั้ง…เราอาจจะหาคำตอบที่ว่านี้ไม่ได้ในทันทีทันใด เช่นเดียวกับการ์ดเนอร์ที่ถ้าถูกถามกลับว่าเขาชอบอะไรในดาวอังคาร (ดาวบ้านเกิดของเขา)

 

 

เจ้าตัวก็อาจจะยังไม่สามารถหาคำตอบได้ เพราะโดยทั่วไป…ความคุ้นเคยมักทำให้เรามองข้ามความสวยงามที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงกำลังพาเราเข้าไปสำรวจสิ่งจำเจในชีวิต และค้นหาความงามของสิ่งนั้น ๆ เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องขวนขวายหาสิ่งอื่นที่อยู่ไกลตัว

 

ผลงานการกำกับของ Peter Chelsom นำแสดงโดยพระเอกของเรื่อง Asa Butterfield รับบทเป็นการ์ดเนอร์ เอลเลียต เด็กหนุ่มนัยน์ตาสีฟ้า ซึ่งเคยฝากผลงานไว้ในหนังที่หลายคนน่าจะคุ้นกัน อย่างเช่น Ender’s Game หรือแม้แต่ The Boy in the

 

 

Striped Pajamas และ Britt Robertson นางเอก ซึ่งเคยโด่งดังจาก Tomorrowland มาแล้ว ในเรื่องนี้เธอรับบทเป็น ทัลซา.. ทุกอย่างในหนังถูกจัดวางไว้อย่างลงตัว ทั้งตัวละคร ภาพและเสียง ใครที่อยากเห็นแสงเหนือ Aurora แนะนำว่า ต้องมาดู

 

โดยหนังจะบอกเล่าถึงเรื่องราวของการ์ดเนอร์ เอลเลียต เด็กชายวัย 16 ปี ที่เกิด เติบโต และใช้ชีวิตอยู่บนดาวอังคาร ซึ่งวันหนึ่งดันไปตกหลุมรักกับ ทัลซา หญิงสาวที่อาศัยอยู่บนโลก การติดต่อระหว่างเขาและเธอเกิดเป็นความผูกพันอันลึกซึ้ง จนทำให้เขาตัดสินใจออกเดินทางผจญภัยไปสู่ดาวอีกดวงที่เขาไม่เคยย่างกรายไปถึงอย่าง “โลก” รีวิวหนัง

 

 

หนังได้ให้แง่คิดไว้มากมาย อาทิเช่น “เรื่องการมองโลกในแง่ดี” ความใสซื่อของการ์ดเนอร์ ได้มอบความสดใสให้กับทัลซา เด็กสาวผู้ซึ่งมองว่าโลกเต็มไปด้วยความโหดร้าย และไม่จริงใจของผู้คน แต่การ์ดเนอร์กลับทำให้เธอมองเห็นว่า

 

“โลกนี้ยังมีความสวยงาม ความจริงใจที่เธอสมควรจะได้รับมัน.. อยู่จริง” และการมองในมุมกลับที่การ์ดเนอร์ได้พูดไว้ว่า “แปลกที่คนบนโลกอยากมาอยู่บนดาวอังคาร แต่เขากลับอยากลงไปอยู่บนโลกมากกว่า” สะท้อนให้เห็นว่า “มนุษย์มักไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี และโหยหาสิ่งใหม่อยู่เสมอ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *