รีวิวหนังฝรั่ง The Sea Beast
เรื่องราวเริ่มต้นที่ภาพอดีตในคืนอันมืดมิดกลางท้องทะเลอันแสนน่าสะพรึงกลัว เด็กชายคนหนึ่งได้เกาะท่อนไม้จากเรืออับปางและทันใดนั้นเขาก็ได้เผชิญหน้ากับอสูรกลางท้องทะเลเป็นครั้งแรก ดูหนัง ก่อนที่หนังจะตัดไปที่เสียงเล่านิทานปรัมปราจากเมซีเด็กสาวในบ้านเด็กกำพร้าที่ใฝ่ฝันในวิถีแห่งนักล่าอสูร หนังฟรี และโชคชะตาก็เข้าข้างเธอเมื่อเรือล่าอสูรนาม ‘Inevitable’ มาจอดเทียบท่าเพื่อเคลมเงินรางวัล หนังใหม่ งานนี้เธอจึงแอบลักลอบขึ้นเรือในตำนานและได้พบกับเจคอบ ฮอลแลนด์ ฮีโรในหนังสือของเธอ ดูหนังออนไลน์ฟรี 2022
แต่หลังจากเหตุการณ์อสูรแดงคำรามบุกเรือจนทำให้เมซีกับเจคอบระหกระเหินอยู่กลางทะเล พวกเขากลับได้พบมิตรภาพที่ไม่คาดคิดจากอสูรที่พวกเขาเคยกลัว ดูหนังออนไลน์ การผจญภัยครั้งใหม่ระหว่างอสูรแดงคำรามและนักล่าอสูรกับเด็กน้อยได้เริ่มขึ้นท่ามกลางอันตรายจากเรือนักล่าอสูรที่อาจไม่เข้าใจในมิตรภาพครั้งนี้ ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่มีโฆษณา
เรื่องราวของ Jacob Holland
(พากย์เสียงโดย Karl Urban) หนุ่มนักล่าอสูรทะเล ที่อยู่บนเรือของนักล่าที่เก่งที่สุด ดูหนังฟรี และเขาเป็นลูกเลี้ยงของกัปตัน แถมยังถูกวางตัวให้เป็นกัปตันคนต่อไปอีกด้วย เขาได้ออกผจญภัยออกล่าอสูรสีแดง เนื่องจากกัปตัน Crow (พากย์เสียงโดย Jared Harris) เคยเผชิญหน้ากับอสูรแดงและเสียตาไป 1 ข้าง ทว่าการล่าของพวกเขาไม่สำเร็จ ทำให้รัฐบาลตัดสินใจจะไม่ขอความช่วยเหลือจากนักล่า ดูหนังออนไลน์ และจะสร้างเรือรบเพื่อล่าอสูรเอง แต่สุดท้ายก็เจรจาเพื่อแข่งขันกัน โดยพวกนักล่าแข่งกับเรือรบของรัฐ ใครล่าได้คนนั้นชนะ ทว่าเรื่องมันไม่ง่ายแบบนั้น เพราะเด็กสาวที่อยากเป็นนักล่านามว่า Maisie (พากย์เสียง Zaris-Angel Hator) ได้แอบขึ้นเรือมาด้วย ทำให้เธอต้องติดสอยห้อยตามไปด้วย และ Jacob ต้องรับหน้าที่คอยดูแลเธออย่างไม่มีทางเลือก สุดท้ายแล้วบทสรุปของการผจญภัยครั้งนี้จะเป็นอย่างไร พวกเขาจะเจอกับเรื่องราวน่าทึ่ง ดูหนัง และอุปสรรคอะไรบ้างนั้น ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง
บอกก่อนเลยว่ากดเข้าไปดูแบบไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก และสิ่งที่ได้กลับมามันค่อนข้างเกินคาดมากๆ กลายเป็นว่าสนุกเฉย และที่สำคัญภาพสวยมากๆ มาเริ่มรีวิวกันเลยดีกว่า เริ่มที่เรื่องบทกันก่อน บทของเรื่องนี้ถือว่ายอดเยี่ยมมากๆ ไม่ได้เห็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่มีบทกลมกล่อมแบบนี้มานานแล้ว คือบทมันค่อนข้างละเอียด และครบรสพอสมควรเลย ตอนแรกคิดว่าจะต้องเป็นการ์ตูนขายเด็กแน่ๆ
แต่กลายเป็นว่าผู้ใหญ่ก็ดูได้ เพราะบทไม่ได้อ่อนหรือเน้นแต่ความสนุก แต่บทยังน่าติดตามและมีจุดน่าสนใจไม่น้อยเลย ส่วนตัวผมว่าบททำออกมาได้ดีแล้ว ไม่มีอะไรจะติมากมาย บทกำลังดีเลย ไม่ลึกเกินไปและไม่ตื้นเขินจนเกินไป ต่อมาด้านการดำเนินเรื่อง ส่วนนี้ก็ทำได้ดีเช่นกัน เรื่องราวน่าติดตาม ดำเนินเรื่องได้ดี ไม่เร็วไปไม่ช้าไป เล่าเรื่องเข้าใจง่าย กระชับ ไม่มีส่วนไหนที่รู้สึกเบื่อเลย ในส่วนนี้ก็ไม่มีอะไรจะติเช่นกัน
เรือนักล่าอสูรทะเล รีวิวหนังฝรั่ง The Sea Beast
ได้ทำการล่าอสูรเพื่อป้องกันไม่ให้เข้ามาทำร้ายนักเดินทะเลและต้องการขยายพื้นที่อาณาจักรเพื่อ ราชา และ ราชินี แต่ในขณะที่เรือนักล่ากำลังจะออกไปล่าเจ้าแห่งอสูรนั้น ได้มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่หลงใหลในการล่าอสูรอย่างมากและได้แอบตามขึ้นเรือไปด้วย ถึงแม้การล่าอสูรนั้นจะอันตรายและโหดร้ายกว่าที่เธอคิด แต่ก็มีเหตุการณ์บางอย่างทำให้เธอสงสัยในสิ่งที่เธอเชื่อมาตลอด อสูรโหดร้ายจริงไหม ใครเป็นคนเริ่มสงครามนี้กันแน่
ตอนแรกที่เข้าไปดูนี่ให้ความรู้สึกแบบ pirates of the caribbean มากๆเลยค่ะ ทั้งเรือโจรสลัดเอย อสูรเอย คำพูดของกัปตันเอย ให้ความรู้สึกเหมือนเราดูหนังโจรสลัดเรื่องนึงเลยค่ะ นอกจากนั้นแล้วตัวเราเองมีความรู้สึกว่า ภาพของการ์ตูนเรื่องนี้มีความคล้ายกับเกมส์ Sea of Thrives เลยค่ะ มีความภาพสดใส สมจริง ตัวละครก็ดูมีมิติ ทั้งความคิดและอารมณ์ ในส่วนของเนื้อเรื่องถึงแม้ว่าจะเป็นการ์ตูนแต่เนื้อเรื่องนี่ไม่ได้ใสๆอย่างที่คิดเลยค่ะ แอบมีความดาร์คซ่อนอยู่ ทั้งการจัดการอสูรเพื่อต้องการร่างของมัน ทั้งการทำสงครามที่ไม่มีที่มาที่ไป การล่าอสูรเป็นต้น แต่ถึงอย่างนั้นการ์ตูนเรื่องนี้ก็นำเสนอความสดใสของเด็กผู้หญิง มิตรภาพของอสูร และความน่ารักของอสูรตัวจิ๋วด้วยค่ะ
เรื่องราวของตัวละครเด็กหญิงกำพร้าชื่อว่า Maisie ที่หลงใหลในการเป็นนักล่าอสูรทะเล เนื่องจากมี Jacob Holland ลูกเรือของกัปตัน Crow หนึ่งในนักล่าอสูรมือฉมังเป็นไอดอล โดยในวันหนึ่ง Maisie ได้แอบขึ้นเรือของเหล่านักล่าอสูรเพื่อหวังจะไปติดตามการล่า “เจ้าแดงคำราม” อสูรทะเลในตำนานที่ดุร้าย แต่เมื่อเรือเริ่มออกจากท่า เรื่องการผจญของเด็กหญิงกับชายหนุ่มนักล่าอสูรก็เริ่มต้นขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเรื่องกลับพลิกผันไปในทางที่ไม่มีใครคาดถึง
หากใครยังจำได้ดี
ในช่วงปี 2010 ทางสตูดิโอผู้สร้างอย่างค่าย DreamWorks Animation ก็ได้ปล่อยภาพยนตร์แอนิเมชันสุดเท่เรื่อง How To Train You Dragon (อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร) ออกมาให้ผู้ชมได้ลิ้มรสตำนานไวกิ้งกันอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งในปี 2014 เรื่อง Cloudy with a Chance of Meatballs 2 (มหัศจรรย์ ของกินดิ้นได้) ก็กลับมาฉายโรงเรียกยอดคนดูได้อีกครั้งด้วยธีมเรื่องสุดกาวไม่ต่างจากภาคแรก โดยทั้ง 2 เรื่องที่กล่าวมาไม่มีความยึดโยงใด ๆ กับเรื่อง The Sea Beast (อสูรทะเล) เลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งค่ายผู้สร้างและผู้กำกับ รวมไปถึงนักแสดงผู้ให้เสียงพากย์ในเรื่องด้วย
แต่เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว อาจทำให้ใครหลายคนเริ่มย้อนกลับไปคิดถึงเนื้อเรื่องของ How To Train You Dragon (อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร) และเรื่อง Cloudy with a Chance of Meatballs 2 (มหัศจรรย์ ของกินดิ้นได้) ว่าทั้ง 2 เรื่องนั้นเป็นแอนิเมชันที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร ซึ่งธีมหลักของเรื่องที่กล่าวมาทั้งหมด รวมถึงเรื่อง The Sea Beast (อสูรทะเล) ด้วยแล้ว
อาจกล่าวได้ว่าไม่มีการนำเสนอเรื่องราวที่แปลกใหม่หรือแตกต่างไปจากขนบเดิม ๆ
อย่างที่แอนิเมชันหลาย ๆ เรื่องเคยทำมาก่อนเลย แต่ใช่ว่าการสร้างสรรค์ผลงานจากสูตรสำเร็จจะเป็นเรื่องที่แย่ หากเรื่องราวเหล่านั้นถูกเล่าและถ่ายทอดออกมาได้อย่างดีเยี่ยม และ The Sea Beast (อสูรทะเล) ก็ทำออกมาได้ดีอย่างที่โปรโมตไว้ในตัวอย่าง โดยการนำพาผู้ชมเข้าถึงแก่นหลัก
ของภาพยนตร์อย่าง “ความเข้าใจผิด” ได้อย่างถ่องแท้ แต่อาจจะมี Mood And Tone ของเรื่องที่เอนเอียงไปทาง How To Train You Dragon (อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร) เสียมากกว่า เนื่องจากเป็นการเล่าเรื่องด้วยคีย์เวิร์ดหลักอย่างคำว่า “ตำนาน” ผสมผสานอยู่ด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น บทพูดที่ถูกทีมงาน Netflix แปลไทยมาแล้วอย่างดี ก็ยังบาดลึกกินใจคนไทยบางส่วน (ใหญ่) ไม่ต่างอะไรกับ Don’t Look Up (ดาวหางดับโลก) ที่มีไดอะล็อกจี้ปมคนในประเทศโลกที่ 3 ได้อย่างเฉียบขาด ทำให้เรื่อง The Sea Beast (อสูรทะเล) นั้นสามารถเข้าไปครองที่นั่งในใจคนดูได้ไม่ยาก อีกทั้งยังได้รับคะแนนบวกจาก Rotten Tomatoes ไปได้สูงถึง 94% เรียกว่าเป็นแอนิเมชันธรรมดาที่ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ
กล่าวตามตรงว่า The Sea Beast เป็นแอนิเมชันที่เราไม่ได้รู้สึกสนใจเป็นพิเศษ รีวิวหนังฝรั่ง The Sea Beast
จากตัวอย่างที่มาในธีมแอ็กชันผจญภัยในโลกเหนือจินตนาการ และการออกแบบคาแรกเตอร์ที่น่ารักน่าเอ็นดู ไม่ได้มีจุดเด่นที่ดึงดูดใจเรามากนัก กระทั่งเราได้เห็นชื่อของ Chris Williams หนึ่งในผู้กำกับร่วมจาก Big Hero 6 และ Moana ซึ่งเป็นผลงานที่ผู้เขียนชื่นชอบเป็นพิเศษ เราจึงตัดสินใจเปิด Netflix เข้าไปชม The Sea Beast ในทันที
เพราะเราเชื่อมั่นว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะต้องมีดีมากกว่าแค่การผจญภัยที่สนุกสนานอย่างแน่นอน องค์ประกอบสำคัญที่ส่งให้ The Sea Beast เป็นมากกว่าแค่แอนิเมชันผจญภัยภาพสวย คือการชักชวนเรามาร่วมตั้งคำถามต่อ ‘ความจริง’ ที่ถูกบอกเล่าผ่านหน้าหนังสือที่เด็กๆ ทุกคนอ่าน ว่าแท้จริงแล้วบทบันทึกเหล่านั้นคือความจริงที่เกิดขึ้นบนหน้าประวัติศาสตร์ หรือเป็นความจริงที่ ‘ผู้เขียน’ ต้องการให้ทุกคนเชื่อว่ามันคือความจริงกันแน่