รีวิวหนังฝรั่ง Dunkirk

รีวิวหนังฝรั่ง Dunkirk หนังเรื่องนี้จับเหตุการณ์จริงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 บริเวณเมืองดันเคิร์กชายฝั่งของประเทศฝรั่งเศส กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรในขณะนั้นเสียทีให้ฝ่ายอักษะของนาซีจนล่าถอยมาติดค้างอยู่ที่เมืองนี้จำนวนมาก ในครั้งนั้นกองทัพอังกฤษของฝ่ายสัมพันธมิตรจนปัญญาในการอพยพเหล่าทหารของตนที่เมืองนี้ร่วมหลายแสนชีวิตให้ออกจากสมรภูมินรก ดูหนัง

ทั้งยังการถูกปิดล้อมก็ทำให้เหล่าทหารกลายเป็นเป้านิ่งให้เครื่องบินศัตรูยิงทิ้งเล่น เรียกว่ารอวันที่ฝ่ายอักษะไล่บี้มาถึงเพื่อสังหารทิ้งไม่เร็วก็ช้าเท่านั้นเอง และหากเป็นเช่นนั้นฝ่ายสัมพันธมิตรก็จะสูญเสียกำลังพลครั้งใหญ่ ยังส่งผลให้ฝ่ายอักษะได้รุกคืบสู่เกาะอังกฤษซึ่งเป็นจุดยุทธการสำคัญในสงครามครั้งนี้ของฝ่ายสัมพันธมิตรด้วย เพราะหากเสียอังกฤษเป้าหมายต่อไปย่อมต้องเป็นอเมริกาและแน่นอนหน้าประวัติศาสตร์โลกคงไม่เหมือนอย่างที่เราเห็นในปัจจุบันนี้แน่ ๆ

ในตอนนั้นชาวบ้านและชาวประมงจากอังกฤษต่างถูกเกณฑ์ให้นำเรือบ้าน ๆ ของตน ที่ไม่ได้รับการติดอาวุธใด ๆ ออกสู่ทะเล เข้าสู่สมรภูมิเลือดที่ดุเดือดถึงขีดสุดทั้งบนฟ้าและผืนน้ำ เพื่อนำชีวิตของกำลังพลที่ดันเคิร์กกลับสู่บ้าน ซึ่งตรงนี้กลายเป็นอีกหนึ่งในจุดเปลี่ยนของสงครามที่เกิดขึ้นด้วยพลังของชาวบ้านธรรมดา ๆ ล้วน ๆ เลยครับ

Dunkirk คือการกำกับหนังแนวสงครามครั้งแรกของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ผู้กำกับชื่อดังเจ้าของผลงานขึ้นหิ้งอย่าง Inception , Interstellar และ The Dark Knight โดยนำเรื่องราวจริงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างยุทธการไดนาโมของรัฐบาลอังกฤษในปี 1940 จากเมืองโดเวอร์ประเทศอังกฤษสู่เมืองดันเคิร์กประเทศฝรั่งเศส กับภารกิจช่วยเหลือทหารชาวอังกฤษกว่า 4 แสนนายออกจากแหลมแห่งหนึ่งที่ถูกทหารนาซีโอบล้อมกดดันให้ตกทะเล ดูหนังออนไลน์ 

นักแสดงนำของเรื่องน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น  มาร์ค ไรแลนซ์ จาก Bridge of Spies ที่คราวนี้เปลี่ยนบทจากสายลับเยอรมันมาเป็นชาวเดินเรืออังกฤษ , ทอม ฮาร์ดี้ อีกหนึ่งเด็กปั้นของ โนแลน จาก  The Dark Knight Rises ,  เฟียน ไวท์เฮด นักแสดงหนุ่มจากซีรีส์ Him ที่พร้อมแจ้งเกิดเต็มตัว และ การผันตัวมาสู่วงการแสดงของ แฮร์รี สไตล์ส นักร้องหนุ่มแห่งวง One Direction

รีวิวหนังฝรั่ง Dunkirk

Dunkirk เล่าถึงสถานการณ์คับขันของทหารอังกฤษและทหารฝ่ายสัมพันธมิตร (ฝรั่งเศส,เบลเยี่ยม) หลายแสนที่ติดอยู่บนบริเวณชายหาดแห่งความสิ้นหวัง เต็มไปด้วยรอยเลือด เสียงกรีดร้องความกลัว ไร้ทางออก เบื้องหน้าคือข้าศึกที่พยายามรุกคืบเข้ามา แต่เบื้องหลังคือทะเลอันกว้างใหญ่ ทุกคนที่นั่นมีชะตากรรมร่วมอันน่าหดหู่ พวกเขาเข้าคิวยาวเหยียดเพื่อกลับบ้านคือเกาะบริเตนที่สามารถมองเห็นลิบๆด้วยตาเปล่า ทว่าเส้นทางกลับมืดมน การได้ขึ้นเรือก็ไม่ได้การันตีว่าจะถึงฝั่ง เรือพิฆาตเทียบท่าได้จุดเดียวคือสะพานหินที่ทอดตัวยาวไปเกือบกลางทะเล ซึ่งก็เป็นเป้าโจมตีของฝูงบินไฟต์เตอร์ของนาซีที่คอยโฉบมายิงปืนและทิ้งบอมบ์ใส่เรือกับทหารที่ชายหาด เรือลำแล้วลำเล่าจมลงสู่ก้นทะเล พร้อมกับศพของทหารชาวอังกฤษมากมาย เรือลำเลียงหรือเรือเล็กที่เข้าถึงชายฝั่งได้ก็ไม่มี คลื่มลมก็แรงจนไม่สามารถว่ายนํ้าออกไปได้

ในบริบทเดียวกันกันก็มีทั้งคนที่พยายามเอาชีวิตรอด เอาตัวรอด ช่วยชีวิตคนอื่น พร้อมสละชีพ และยอมปลิดชีวิตตัวเอง โดยเรื่องราวเกิดขึ้นทั้งบนบก ในทะเล และกลางอากาศ ในช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตายของประวัติศาสตร์โลกครั้งหนึ่งบริเวณช่องแคบอังกฤษ ทหารหลายแสนนายไม่รู้เลยว่าชีวิตของพวกเขาฝากไว้กับ เรือประมงลำเล็กๆหลายสิบลำ และเครื่องบินขับไล่เพียง 3 เครื่อง

กล่าวได้ว่า Dunkirk คือหนังไททานิคฉบับสงครามของ โนแลน ที่ถ่ายทอดโศกนาฏกรรมบนชายหาดดันเคิร์กออกมาได้เข้มข้นและงดงาม ผ่านตัวละครสามกลุ่มที่คล้ายเป็นตัวแทนสามเหล่าทัพได้แก่ พลทหารทอมมี่ ที่พยายามอย่างเต็มที่ในการเอาชีวิตรอดกลับบ้านเกิด , ดอว์สัน กับลูกชายชาวบ้านที่ใช้เรือส่วนตัวออกมาร่วมในปฏิบัติการอพยพทหารออกจากวิกฤติ และ ฟาร์เรียร์ ทหารอากาศกับเพื่อนอีก 2 นายที่นำเครื่องบินต่อสู้ฝูงเล็ก (3 ลำ) บายหน้ามาที่สมรภูมิดันเคิร์ก

การดำเนินเรื่องตัดสลับไปมาแถมยังสับหว่างในเรื่องของเวลา (ไม่เรียงลำดับก่อนหลัง) ทำให้ผู้ชมต้องมีสมาธิมากในการทำความเข้าใจเนื้อหา รวมถึงความรู้สึกของตัวละคร เพราะหนังเรื่องนี้มีบทพูดน้อยมากๆ แต่ที่เด็ดขาดคือดนตรีประกอบภาพยนตร์ฝีมือของ ฮานส์ ซิมเมอร์ ที่ช่วยขับให้บรรยากาศหนังตึงเครียดและสมจริงมากๆ เมื่อบวกกับการถ่ายทอดภาพที่สวยงามทำให้ Dunkirk กลายเป็นงานมาสเตอร์พีซที่ควรค่าแก่การชมในโรงหนังอย่างมาก (ดูแผ่นอรรถรสไม่เท่าแน่) ดูหนังฟรี 

รีวิวหนังฝรั่ง Dunkirk

โทนของหนังออกไปทางดราม่าทริลเลอร์มากกว่าแอ็คชั่น ใครที่หวังมาเห็นฉากการเปิดฉากยิงกันของทหารสองฝ่ายคงต้องผิดหวัง เนื่องจาก โนแลน เนรมิตฉากต่อสู่ในแบบฉบับของเขา ซึ่งซีนที่โดดเด่นที่สุดคงจะเป้นการไล่ล่าบนท้องฟ้าของเครื่องบินไฟเตอร์สองฝ่าย ที่ชวนให้เราลุ้นเอาใจช่วยทหารอากาศสามนายได้ไม่แพ้เรื่องการหนีออกจากชายของของทหารบกจำนวนมหาศาลเลย

นักแสดงเล่นดีหลายคน ไม่ว่าจะเป็น มาร์ค ไรแลนซ์ ที่พูดแทนมุมมองของพลเรือนได้อย่างกินใจ ช่วยเตือนสติ รวมถึงสะท้อนถึงความโหดร้ายของสงครามได้อย่างยอดเยี่ยม , ทอม ฮาร์ดี้ คือตัวแทนของทหารหาญที่น่ายกย่อง ในการเสียสละตัวเองทำหน้าที่อย่างถึงที่สุดเพื่อเพื่อนร่วมชาติและประเทศ บทของเขาเท่ แถมดูเป็นฮีโร่ชะมัด ขณะที่ เฟียน ไวท์เฮด เป็นตัวอย่างและเหยื่อของการเดินหมากที่ผิดพลาดครั้งร้ายแรงของกองทัพอังกฤษ เขาเป็นนักแสดงหนุ่มที่สื่อสารอารมณ์ผ่านท่าทางได้อย่างดี เชื่อว่าอนาคตทางการแสดงของเขาไปไกลแน่ๆ

รีวิวหนังฝรั่ง Dunkirk

เรื่องราวที่ดันเคิร์กอาจไม่เป็นที่จดจำเท่านอร์มังดี แต่หากไม่มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงก์ในดันเคิร์ก ก็อาจไม่มีคบไฟที่นอร์มังดี เพราะทหารอังกฤษที่เดิมทีถูกคาดว่าจะรอดชีวิตแค่ไม่กี่หมื่นนาย เมื่อจบภารกิจกลับมีทหารอังกฤษกลับถึงบ้านมากกว่านั้นหลายเท่า ทำให้รัฐบาลของ วินสตัน เชอร์ชิล ไม่ยอมแพ้แก่นาซี ก่อนที่จะไปจับมือกับสหรัฐอเมริกากลับไปประเทศฝรั่งเศสอีกครั้งในวันดีเดย์ เรียกว่าดู Dunkirk จบ เปิด Saving Private Ryan ต่อได้เลย

ช่วงท้าย Dunkirk ลดความโลกโผนโจนทะยานลงเรื่อยๆ ก่อนจะค่อยๆแลนดดิ้งลงอย่างงดงาม กับบทสรุปชะตากรรมของตัวละครที่แตกต่างกันไป ไม่น่าเชื่อว่าจนถึงบัดนี้ คริสโตเฟอร์ โนแลน ไม่เคยได้รับรางวัลออสการ์และลูกโลกทองคำในสาขาผู้กำกับเลย ส่วนตัวคิดว่า Dunkirk ยังคงไม่อาจพา โนแลน ไปสู่จุดนั้นได้ แต่แน่นอนว่าหนังเรื่องนี้มีดีพอที่จะคว้ารางวัลทางภาพยนตร์หลายรางวัล

อย่างแรกที่สุดเลยก็คือ Dunkirk ผลงานล่าสุดของ คริสโตเฟอร์ โนแลน เป็นหนังสงครามที่ระดับของความประณีตพิถีพิถันในส่วนของงานสร้างอยู่ในขั้นที่พูดได้เต็มปากว่าน่าตื่นตะลึง หลายต่อหลายช่วงชวนให้พิศวงงงงวยว่าถ่ายทอดออกมาได้อย่างไร เปรียบไปแล้ว คริสโตเฟอร์ โนแลน ก็เหมือนกับเดวิด ลีน แห่งยุคสมัยนี้ที่ทำหนังด้วยคำสองคำในห้วงคิดคำนึง นั่นก็คือ ‘เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน’ และ ‘ไม่ประนีประนอม’ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการจำลองสถานการณ์การสู้รบ และแน่นอน การล่าถอยของกองทัพฝ่ายสัมพันธมิตร ณ สมรภูมิแห่งเมืองดันเคิร์กในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองได้อย่างโน้มน้าวชักจูง ข้อสำคัญ ชวนให้เชื่อว่าเรื่องราวน้อยใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งกระนั้นเป็นอย่างที่ปรากฏบนจอภาพจริงๆ เว็บดูหนัง 

และจำเป็นต้องกล่าวควบคู่ไปด้วยว่า การดูหนังเรื่องนี้ ซึ่งถ่ายทำด้วยระบบไอแม็กซ์บนจอขนาดยักษ์ของโรงหนังไอแม็กซ์ กลายเป็นประสบการณ์ที่ท่วมท้นจริงๆ มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าก่อนหน้านี้เราดูหนังสงครามแบบหรี่ตามาโดยตลอด และระบบไอแม็กซ์ทำให้เราไม่ถูกรบกวนด้วยกรอบภาพสี่เหลี่ยมผืนผ้าอีกต่อไป หรืออีกนัยหนึ่ง ขอบเขตของความเป็นหนังกว้างไกลแบบเต็มองศาการมองเห็น และส่งผลต่อการนำพาตัวเองไปเกี่ยวข้องและมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์เบื้องหน้าประหนึ่งอยู่ในโมเมนต์นั้นโดยตรง

รีวิวหนังฝรั่ง Dunkirk

มีสองฉากเป็นอย่างน้อยที่ระบบภาพแบบไอแม็กซ์น่าจะถึงกับทำให้ผู้ชมเกิดอาการวิงเวียนกว่าการดูหนังในระบบปกติ เหตุการณ์หนึ่งอยู่ในตอนต้นเรื่องที่ทหารหนุ่มวิ่งหนีลูกกระสุนของฝ่ายตรงข้าม และกล้องบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบแฮนด์เฮลด์ในลักษณะคล้ายกับพวกเราวิ่งตาม กับอีกเหตุการณ์ ได้แก่ ฉากต่อสู้ขับเคี่ยวของเครื่องบินขับไล่กลางเวหา และภาพจากภายในห้องนักบินฝ่ายสัมพันธมิตรที่ต้องบินฉวัดเฉวียนหลบลูกกระสุนฝ่ายตรงข้าม ก็สามารถทำให้ผู้ชมเกิดอาการหลงเส้นขอบฟ้าได้อย่างง่ายดาย ความเหมือนกันของทั้งสองกรณีก็เป็นดังที่กล่าวข้างต้น ความมหึมาของจอภาพในระดับที่เกินกว่ามุมมองของผู้ชมทำให้พวกเราไม่มีกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้าของจอไว้ใช้อ้างอิงกับโลกความเป็นจริง ไม่มากไม่น้อย มันให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในความฉุกละหุกของหนังโดยไม่ทันได้ตั้งตัว

ความอลังการทางด้านเทคนิคก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนที่ต้องปรบมือให้อย่างกึกก้องคือยุทธวิธีในการบอกเล่า ซึ่งสะท้อนถึงความมีสติสัมปชัญญะของคนทำหนังมากๆ พูดอย่างกำปั้นทุบดิน หนังเรื่อง Dunkirk ไม่ใช่ Hacksaw Ridge (หนังของเมล กิบสัน ที่ออกฉายปีกลาย และอาศัยฉากหลังสงครามโลกครั้งที่สองเหมือนกัน) ที่ไม่รู้ใครว่าอย่างไร

แต่ส่วนตัวมองว่าหนังของกิบสันเรื่องนั้นทั้งหลงละเมอเพ้อพก สะท้อนความเชื่อความศรัทธาอย่างงมงายและไม่ลืมหูลืมตา (ผ่านข้อแก้ตัวว่าทั้งหมดนั้นสร้างมาจากเรื่องจริง) ในทางตรงกันข้าม โนแลนทำหนังเรื่องนี้โดยปลอดจากการยัดเยียดอุดมการณ์ความเชื่อ หรือถ้าหากมันจะได้รับการสอดแทรกอยู่บ้างก็เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ที่แน่ๆ เขาเลือกที่จะไม่ให้ผู้ชมพาตัวเองไปเกี่ยวข้องและผูกพันกับตัวละครคนหนึ่งคนใดเป็นพิเศษ และเราไม่ค่อยได้รู้ตื้นลึกหนาบางของแต่ละคนสักเท่าใดนัก หน้าที่หลักของพวกเขาเหล่านั้นประกอบด้วย ทหารหนุ่มที่พยายามดิ้นรนหาทางขึ้นเรือเพื่อไปจากสภาวะอับจน นักบินขับไล่ที่คอยลาดตระเวนขัดขวางเครื่องบินของศัตรู และชายสูงวัยที่ต้องการทำในส่วนที่ตัวเองทำได้เพื่อประเทศชาติ ก็คือการนำพาผู้ชมไปเผชิญกับสถานการณ์ที่คุกรุ่นและเดือดพล่านขึ้นเรื่อยๆ เว็บดูหนังฟรี 

หรือหากจะว่าไปแล้ว ตัวละครหลักของเรื่องก็คือเหตุการณ์ที่ค่อยๆ คลี่คลายเบื้องหน้าผู้ชมนั่นเอง อันได้แก่ สภาวะจนตรอกของบรรดาทหารสัมพันธมิตรเกือบสี่แสนคน ซึ่งพากันมากระจุกตัว ณ บริเวณชายหาดของเมืองท่าทางตอนเหนือของฝรั่งเศส เพื่อเฝ้าคอยการอพยพกลับไปตั้งหลัก ณ ประเทศอังกฤษ จากที่หนังนำเสนอ

สถานการณ์ช่างอ่อนไหว เปราะบาง และดูสิ้นหวังเหลือเกิน ทั้งหมดอยู่ในสภาพอิดโรย ไม่อยู่ในฐานะที่จะต่อกรกับกองกำลังอันแข็งแกร่งของเยอรมันได้อีกต่อไป ปืนของพวกเขากลายเป็นสากกะเบือ แต่อะไรก็ไม่น่าสมเพชเวทนาเท่ากับในระหว่างที่ทั้งหมดยืนเข้าแถวเรียงเดี่ยวอย่างยาวเหยียดเพื่อรอขึ้นเรือ ซึ่งไม่มีใครบอกได้ว่าจะมาถึงเมื่อใด (หรือจะมาหรือเปล่าก็ไม่มีใครรู้ และรูปการณ์ก็ดู absurd พอๆ กับในละครของซามูเอล เบ็กเก็ตต์ เรื่อง คอยโกโดต์) ทั้งหมดยังตกเป็นเป้านิ่งให้กับเครื่องบินทิ้งระเบิดของฝ่ายตรงข้ามเลือกถล่มเอาตามอำเภอใจในสภาพที่เหมือนติดกับดัก หนีไปไหนไม่ได้ ความเป็นความตายกลายเป็นเรื่องของโชคชะตาหรือการเดาสุ่มโดยสิ้นเชิง

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *