รีวิวหนังฝรั่ง Scream 2022

รีวิวหนังฝรั่ง Scream 2022 (ภาค 5) การกลับมาของหนังไล่เชือดฆาตกรหน้ากากผีที่คนดูหนังคุ้นเคยกันอย่างดี แต่มาคราวนี้เป็นการสร้างเพื่อหวนคืนกลับสู่ความเป็นออริจินอล เพื่อต่อยอดนำแฟรนไชนส์นี้กลับมาสร้างต่อได้อีกครั้ง หลังจากห่างหายไปกว่า 10 ปี รีวิวหนังฝรั่ง

สื่อต่างประเทศได้เริ่มปล่อยคำวิจารณ์แรกของ ‘Scream’ เวอร์ชัน 2022 ภายหลังจากที่ได้ชมรอบสื่อมวลชนไปแล้ว และตัวภาพยนตร์ก็กำลังจะเข้าฉายที่สหรัฐฯ ในวันที่ 14 มกราคม 2022 นี้ ดูหนัง 

‘Scream’ เป็นแฟรนไชส์ภาพยนตร์แนวไล่เชือดที่ได้รับความนิยมสูงมาก โดยภาคแรกเมื่อ 1996 ได้ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการแหกทุกกฏเกณฑ์ของภาพยนตร์แนวไล่เชือดแบบเดิม ๆ ออกไป จนมีการสร้างภาคต่ออย่าง ‘Scream 2’ (1997) ที่ยังคงประสบความสำเร็จเช่นเดิม แม้ว่าจะไม่สดใหม่แต่ก็ยังคงเฉียบขาดและลุ้นระทึก แต่ ‘Scram 3’ (2000) และ ‘Scram 4’ (2011) กลับไม่ประสบความสำเร็จในระดับสูงดังเช่น 2 ภาคแรก ดูหนังออนไลน์

หนังไล่เชือดที่ห่างหายจากภาค 4 มา 10 ปี ซึ่งภาคนี้ก็ทำในช่วงครบรอบ 10 ปีแบบเหตุการณ์ในเรื่องที่ผ่านๆ มามักกินเวลาห่างกัน 10 ปี ก็จะมีฆาตกรโรคจิตใส่หน้ากากผีมาไล่ฆ่าคนในเมืองวูดส์โบโร ซึ่งแฟนๆ หนังชุดนี้คงจำเรื่องราวได้ดีอยู่แม้จะห่างมานับสืบปีแล้วก็ตาม ซึ่งสาเหตุที่หยุดไปหลักๆ ดูหนังฟรี

ก็คงเป็นเรื่องบทเริ่มตัน คะแนนวิจารณ์ในแต่ละภาคต่ำกว่าภาคแรกมากมาย จนถ้าทำต่อไปก็คงกลายเป็นแฟรนไชนส์สยองขวัญเรื่องอื่นๆ ที่เอากลับมาแล้วดับสนิทตอกฝาโลงมากกว่าจะเป็นการฟื้นคืนชีวิต ในภาคนี้ทางผู้สร้างก็เลยไม่ใช้เลข 5 เป็นภาคต่อ เว็บดูหนัง 

รีวิวหนังฝรั่ง Scream 2022

แต่ใช้ชื่อ Scream แบบภาคแรกกันตรงๆ ซึ่งก็เหมือนเป็นการท้าทายไปยังแฟนๆ ให้มาพิสูจน์ว่าแฟรนไชนส์หนังสืบสวนไล่เชือดเรื่องนี้ยังมีดีพอที่จะกลับมาได้อีกครั้งจริงหรือไม่ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้เหมือนเป็นการหวนคืนกลับมาของสครีมที่ดีสุดรองจากภาคแรกเลยทีเดียว เว็บดูหนังฟรี 

Scream (2022) เป็นภาคที่ 5 ของแฟรนไชส์นี้ ซึ่งเป็นเวลากว่า 11 ปีแล้วตั้งแต่ภาค 4 และภาคนี้เป็นภาคแรกที่ผู้กำกับไม่ใช่ Wes Craven เนื่องจากเขาเสียชีวิตไปเมื่อปี 2015 ภาคนี้จึงเป็นเหมือนการอุทิตให้แก่เขา ผู้กำกับผู้ริเริ่ม และทำแฟรนไชส์เรื่องนี้มาถึง 4 ภาค

และในภาคนี้มีผู้กำกับ 2 คน ได้แก่ Matt Bettinelli-Olpin และ Tyler Gillett โดยภาคนี้จะเป็นภาคที่สร้างมาเพื่ออุทิศให้แก่ผู้กำกับ Wes Craven ผู้ริเริ่มแฟรยนไชส์นี้ ซึ่งภาคนี้รับประกันความดุเดือด เลือดสาดมากกว่าทุกภาคที่ผ่านมา และให้เราตามหาฆาตกรตัวจริงไปพร้อมกับตัวละครหลัก อย่างสนุก ตื่นเต้น และไปลุ้นไปกับสถานการณ์ในหนัง

รีวิวหนังฝรั่ง Scream 2022

รีวิวหนัง Scream หวีดสุดขีดโดยภาคนี้จะเป็นตัวละครใหม่แทบทั้งหมด แต่ก็มีการนำตัวละครของภาคเก่าๆหลายคนมาในภาคนี้เหมือนกัน ซึ่งมีนักแสดงของภาคแรก และตัวละครคลาสสิคอย่าง ซิดนีย์ นางเอกภาคแรก เกล และ ดิวอี้ แถมภาคนี้ยังมีการอ้างอิงและพูดถึงภาคแรกเยอะพอสมควร และก็ล้อหนังตัวเองทั้งเรื่อง

แต่ไม่ได้เยอะจนน่าเบื่อ แถมมีการดำเนินเรื่องผ่านตัวละครหลักที่เป็นแฟนหนังไล่เชือดเหมือนกับภาคแรก และมีการล้อตัวเองว่า ภาคต่อห่วย แฟนหนังอยากได้แบบภาคแรก และภาคนี้ก็จัดให้ เพลินมากๆ และสนุกจริงๆ เป็นภาคต่อที่สมบูรณ์แบบ

ในส่วนของการแสดงในเรื่อง นักแสดงทุกคนทำออกมาได้ดี ไม่ติดตรงไหนเลย ทุกคนเล่นได้สมบทบาทที่ตัวเองได้นับ มีการวางโครงเรื่องมาดี เล่าเรื่องอย่างรวดเร็ว ไม่ยืดเยื้อ กระชับ เข้าใจได้ง่าย แถมยังตื่นเต้น ไม่มีตอนไหนน่าเบื่อเลย และสิ่งที่ผมชอบมากๆคือ ภาคนี้ฆาตกรโหดมาก

โหดกว่าภาคเก่าๆเยอะเลย ภาคเก่าๆรู้สึกจะไล่ฆ่าทีละคน โดยฆ่าวันละคนไปเรื่อยๆ แต่ภาคนี้ ฆาตกรยังคงฆ่าทีละคนเหมือนกัน แต่วันนึงไม่ได้ฆ่าคนเดียว คือฆ่าไปเรื่อยๆเท่าที่จะฆ่าได้ คือตายกันทั้งเรื่องจริงๆ โหดเกิ้น อีกอย่างที่ดีมากๆ คือการปรับหนังให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน มีฆาตกรในภาคนี้การใช้เทคโนโลยีในยุคปัจจุบันมาเป็นตัวช่วยในการหลอกล่อ และฆ่าเหยื่อ ซึ่งผมชอบในส่วนนี้จริงๆ

ภาพยนตร์สามารถทำให้เราเอาใจช่วยตัวละครใหม่ไปพร้อมกับตัวละครดั้งเดิมไปได้อย่างน่าประหลาดใจ การได้เห็น Sidney, Dewey และ Gale กลับมาอีกครั้ง สามารถสร้างความชุ่มชื่นหัวใจได้เสมอ แต่ความสัมพันธ์ระหว่าง Sam และ Tara ก็ดูลึกซึ้งเช่นกัน ต้องขอบคุณการแสดงอันยอดเยี่ยมของ เมลิสซา บาร์เรลา (Melissa Barrera) และ เจนน่า ออร์เทก้า (Jenna Ortega)

ภาคนี้ได้ผู้กำกับจาก หนัง Ready or Not (เกมพร้อมตาย) Matt Bettinelli-Olpin /Tyler Gillett กำกับสองคนรวมถึงสครีมภาคนี้ด้วย และก็ยังได้ผู้เขียนบทจาก Ready or Not คนเดิมมาร่วมทีมสร้างเรื่องนี้ ร่วมกับอีกหนึ่งผู้เขียนบทจาก Zodiac หนังฆาตกรรมสร้างจากเรื่องจริง

ของผู้กำกับเดวิด ฟินเชอร์ ซึ่งทำให้ทีมงานสร้างสครีมภาคนี้เรียกว่าแน่นปึ๊กด้านคุณภาพมาก ตัวหนังจึงมาพร้อมกับเรื่องราวที่เป็นภาคต่อเหมือนยกเครื่องใหม่ แต่ก็ไม่ใช่ใหม่ไปทั้งหมด เรียกว่าเป็นงานสร้างที่พยายามยึดโยงสครีมภาคแรกมากที่สุดกว่าภาคไหนๆ

และไม่ใช่การยึดโยงแบบมั่วซั่วด้วย แต่เป็นการยึดโยงแบบอ้างอิงแนบสนิทไปกับภาคแรกตั้งแต่เริ่มฉากแรกจนฉากสุดท้าย จนคุณสามารถดูแค่ภาคแรกแล้วข้ามมายังภาคนี้เลยก็ได้ เพราะเหมือนเป็นภาคต่อจากภาคแรกแบบที่สมบูรณ์กว่าภาคที่ผ่านๆ มาทั้งหมด

หนังเปิดเรื่องโดยใช้ฉากหญิงสาวรับโทรศัพท์ในบ้านคนเดียวเหมือนภาคแรก ก่อนที่จะเจอกับเกมทายปัญหาจากหนัง “สแต็ป” ซึ่งก็เหมือนเป็นการเล่นกับแฟนๆ สครีมไปด้วยพร้อมกัน ก่อนที่จะเกิดฉากไล่ล่าในบ้านที่อัพเกรดอุปกรณ์ให้ทันสมัยขึ้นตามยุค

พร้อมจบด้วยฉากฆาตกรรมตามสูตรเดิม แต่แค่ฉากเปิดตัวก็ทำให้เราได้เห็นแล้วว่าเป็นงานที่ยึดโยงแบบไม่ใช่ลอก แต่เป็นการคาราวะงานต้นตำหรับพร้อมกับใส่สิ่งใหม่ๆ ลงไปในตัว ซึ่งเรื่องราวในเรื่องจะมีอ้างอิงสิ่งต่างๆ จากภาคแรกมาหลายอย่างมากมาย

ทั้งตัวละครเดิมที่คนไม่คิดว่าจะกลับมาได้ก็กลับมา ฉากสถานที่เกิดเหตุในภาคแรกก็กลับมา เรื่องราวของฆาตกรก็เกี่ยวพันกับตัวละครในภาคแรกโดยตรง ซึ่งแม้จะเป็นการเขียนเรื่องงอกมาภายหลัง แต่ก็มีเหตุผลพอทำให้ผู้ชมเชื่อถือได้ ซึ่งเป็นจุดแข็งของสครีมที่ต่างออกไปจากพวกแนวไล่เชือดเรื่องอื่นๆ (อย่าง เจสัน)

รีวิวหนังฝรั่ง Scream 2022

เพราะฆาตกรในสครีมต้องมีเหตุผลแรงจูงใจที่น่าเชื่อถือพอกับการลุกมาใส่หน้ากากผีย้อนรอยคดีเดิมๆ ในทุกภาคให้ได้ ซึ่งเป็นโจทย์หลักที่ยากสุดของเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งภาคนี้ก็ทำส่วนนี้ออกมาได้ดี แบบดีกว่าภาคอื่นๆ อย่างชัดเจน ฆาตกรในภาคนี้มีความแตกต่างทั้งการลงมือและแรงจูงใจ

โดยเฉพาะการอิงเรื่องราวจากภาคแรกมาเป็นเบสในการทำสิ่งต่างๆ ในเรื่องตั้งแต่แรกไปจนจบ เหมือนผู้ชมได้ย้อนรอยดูสครีมภาคแรกในอีกเวอร์ชั่นที่ต่างออกไป มีความทันสมัยกว่าหน่อยๆ แต่ก็ยังคงกลิ่นอายรูปแบบฉากไล่เชือดจากภาคแรกทำให้แฟนๆ ที่ยังจดจำภาคแรกได้น่าจะชอบภาคนี้ได้ไม่ยากแน่นอน

นี่เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในแฟรนไชส์ที่ เวส เครเวน (Wes Craven) ไม่ได้กำกับ ซี่งเป็นเวอร์ชันที่แสดงความเคารพต่อประวัติอันยาวนานของภาพยนตร์สยองขวัญในอดีตในรูปแบบของภาพยนตร์สยองขวัญรุ่นใหม่ มันทั้งสนุกในแบบน่ากลัว และมีอารมณ์ขันร่วไปด้วย นี่เป็นการพิสูจน์ว่าฆาตกรหน้ากากผีได้กลับมาแล้ว และยิ่งเลือดสาดมากกว่าแต่ก่อนเสียอีก

ส่วนเสียงประกอบฉากต่างๆ รวมถึงเพลงทำได้ดีมาก ใส่เสียงมาให้คนดูลุ้นไม่หยุด แต่โดยรวมแล้วบันเทิงจริงๆ เป็นหนัง Slasher ไล่เชือดที่ดีเรื่องนึงเลย แต่เนื้อเรื่องมันก็เดิมๆไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งมาก เน้นย่อยง่าย มีแค่ไล่ฆ่ากัน หาตัวฆาตกร และก็แฟนเซอร์วิสกับล้อหนังตัวเองรัวๆ แต่ก็ปั่นดี ไม่ถึงกับเยอะจนน่ารำคาญ โดยรวมแล้วอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เหมาะสำหรับไปดูกับเพื่อนๆ และครอบครัว บันเทิงมากๆ รับรองไม่เสียดายค่าตั๋ว ให้คะแนนไว้ที่ 7.5/10 แล้วกัน

ตัวหนังยังยึดเอากฎของสครีมมาเป็นหลักในการเล่นเรื่องนี้เหมือนภาคแรกมากๆ ด้วย ซึ่งจริงๆ มันก็เป็นกฎจากการล้อพวกหนังสยองขวัญตลอดมา อย่าง การไปไหนคนเดียวมักเจอจุดจบ ถ้าพูดเดี๋ยวกลับมานั่นคือตัวละครนั้นต้องตาย ซึ่งคนดูใครๆ ก็รู้

แต่ตัวละครในหนังมักทำอย่างนั้นอยู่ดีเหมือนบทโง่ๆ ไม่สมเหตุผลที่ต้องใส่ไว้เพื่อให้เกิดฉากสยองขวัญประกอบเรื่องเท่านั้น แต่สำหรับสครีมการเอากฎพวกนี้มาใช้คือการล้อเลียนและท้ายทายไปในตัวอย่างที่ภาคแรกทำไว้ ซึ่งภาคนี้ก็ย้อนเอากฎพวกนี้มาเล่นในแบบท้าทายหลอกล่อคนดูให้ลุ้นระทึกตามทุกครั้ง

แม้สุดท้ายฉากนั้นจะไม่มีฆาตกรมาไล่เชือด แต่เราก็ยังระทึกกับการที่ตัวละครในเรื่องกำลังเดินเข้าไปสู่กฏที่ว่าไว้ได้ทุกครั้ง โดยไม่ใช่แนวตุ้งแช่ทำเสียงตกใจคนดูแบบเสล่อๆ อีกด้วย

นอกเหนือจากนั้นตัวบทสนทนาในเรื่องก็ยังเล่นมุกล้อเสียดสีจิกกัดหนังเรื่องอื่นรัวๆ ทั้งยุคใหม่ยุคเก่า อย่าง บาบาดุค ที่ในเรื่องย้ำว่าดีกว่าสแต็ป เหมือนเป็นการจงใจล้อเลียนเทียบกับตัวเอง หรือแม้แต่สตาร์วอร์ก็ยังไม่เว้น ซึ่งการจิกกัดหนังเรื่องอื่นๆ แบบนี้คือเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของสครีมจากผู้เขียนบทดั้งเดิมอย่าง Kevin Williamson ดังนั้นถ้าใครตามมุกเหล่านี้ทันก็จะสนุกขบขันไปกับเรื่องนี้ได้มากยิ่งขึ้นอีก

รีวิวหนังฝรั่ง Scream 2022

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *