รีวิวหนังฝรั่ง Cruella

ครูเอลล่าเวอร์ชันนี้เป็นครูเอลล่าที่แตกต่างจากครูเอลล่าเวอร์ชันอื่นๆ หนังมีความยาว 2 ชั่วโมง มีการดำเนินเรื่องที่น่าสนใจ และมีการตีความคาแรคเตอร์ของครูเอลล่าให้เข้ากับยุคปัจจุบัน ซึ่งบอกตรงๆว่านี้ไม่ใช่ครูเอลล่าที่ผู้เขียนรู้จัก รีวิวหนังฝรั่ง Cruella เพราะครูเอลล่าต้นฉบับที่ปรากฏตัวครั้งแรกในอนิเมชันเรื่อง ดัลเมเชี่ยน 101 และดัลเมเชี่ยน 101 ภาค 2 รีวิวหนังฝรั่ง 

หลังจากเลื่อนกำหนดฉายโรงมาหลายรอบในที่สุดหนังไลฟ์แอ็กชั่นจากผลงานฮิตของดิสนีย์อย่าง Disney’s Cruella ก็ได้ฤกษ์มาลงสตรีมมิ่งทางดิสนีย์พลัสฮอตสตาร์ (Disney+Hotstar) แล้ว โดยวางกำหนดฉายเปิดตัววันที่ 3 กันยายน 2564 ซึ่งก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของทางดิสนีย์ที่เลือกการฉายผ่านสตรีมมิ่งในช่วงภาวะโรคระบาดโควิด-19 (COVID-19) แบบนี้เพราะประกาศล่าสุดของทาง ศบค.เองก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะให้โรงภาพยนตร์เปิดให้บริการได้เมื่อไหร่ ดูหนัง

Cruella:ครูเอลล่า (2021) นับเป็นการกลับมาอีกครั้งของตัวละครสุดคลาสสิค ครูเอลลา เดอ วิล สุดยอดตัวร้ายที่ใคร ๆ ก็รัก มาจากนวนิยายเรื่อง ขบวนการหมาจุด ของโดดี สมิธใน 1956 ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง ทรามวัยกับไอ้ด่าง ของวอลต์ดิสนีย์ใน ใน 1961 ดูหนังออนไลน์ 

และเป็นภาพยนตร์ฉบับ live action ในปี 1996 การกลับมาของครูเอลล่าในปี 2021นี้ จะทำให้เรารู้จักเรื่องราวของในเอลล่ามากยิ่งขึ้น รู้จักภูมิหลังของเธอนะตั้งแต่วัยเด็กจนก้าวขึ้นมาสู่ตัวละครวัยร้ายที่ใคร ๆ ก็รัก นำแสดงโดย เอมมา สโตน หนังจะพาคุณโลดแล่นเข้าสู่ฟาดฟัน ดูหนังฟรี

ในโลกของแฟชั่นยุค 70 การสร้างสรรค์ของตัวละคร ครูเอลล่า แฟชั่นดีไซเนอร์รุ่นใหม่ ที่หาญกล้าเทียบรุ่น บารอนเนส แฟชั่นดีไซเนอร์ชื่อดังที่สุดของอังกฤษ เจอเรื่องราวความสนุกสนานจะเป็นอย่างไรนั้น แล้วความรู้สึกหลังดูของเราจะเป็นอย่างไร ขอให้ทุกท่านเชิญ ทัศนาดับและสดับรับฟังจากรีวิวนี้ได้เลยครับ เว็บดูหนัง 

สำหรับใครที่เป็นสาวกดิสนีย์คงคุ้นเคยกับแอนิเมชั่นสุดน่ารักอย่าง ‘101 Dalmatians’ ที่ออกฉายตั้งแต่ปี 1961 และดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชั่นในปี1996 ซึ่งในทุกเวอร์ชั่นที่ผ่านมาเรามักให้ความสำคัญกับน้องหมาดัลเมเชียนแสนน่ารักและความตลกที่เกิดขึ้นจากความล้มเหลวของตัวร้ายอย่าง เว็บดูหนังฟรี 

ครูเอลล่า เดอ วิล (Cruella De Ville) และลูกสมุนทั้งสองโดยไม่มีใครรู้เลยว่าเบื้องหลังความร้ายนี้มีที่มาสุดรันทดเพียงใด ซึ่งจากช่องว่างตรงนี้ก็ทำให้ดิสนีย์ได้ไอเดียสร้างหนังไลฟ์แอ็กชั่นจากตัวร้ายในคลังแอนิเมชันตัวเองจนเกิดเป็น ‘Disney’s Cruella’ นั่นเอง

รีวิวหนังฝรั่ง Cruella

ลอนดอนยุค 70s ยุคแห่งความเปลี่ยนแปลงด้านแฟชัน เอสเตลลา (เอ็มมา สโตน-Emma Stone) หญิงสาวผมสองสีผู้สูญเสียแม่ตั้งแต่เด็กได้ออกลักเล็กขโมยน้อยทั่วเมืองกับสองเพื่อนซี้อย่างแจสเปอร์ (โจเอล ฟราย – Joel Fry) และฮอร์เรซ (พอล วอลเทอร์ เฮาเซอร์ Paul Walter Hauser)แม้ความฝันของเธอคือการได้เป็นดีไซน์เนอร์ก็ตาม

แต่แล้วโชคชะตาของเธอก็ผลิกผันจนได้ร่วมงานกับบารอนเนส ฟอน เฮลแมน (เอ็มมา ธอมป์สัน – Emma Thompson) เจ้าแม่ดีไซเนอร์แห่งลอนดอนแต่แล้วงานในฝันก็พลิกผันกลายเป็นความแค้นเมื่อเธอค้นพบว่าบารอนเนสพัวพันกับการตายของคุณแม่ของเธอ เอสเตลลาต้องทิ้งความไร้เดียงสาใส่ความร้ายและอัปความเริ่ดเพื่อหวังทำลายชื่อเสียงบารอนเนสด้วยงานดีไซน์สุดปั่นป่วนและร้อนแรง

ความชาญฉลาดของบทภาพยนตร์โดยดานา ฟ็อกซ์ (Dana Fox) กับ โทนี แม็คนามารา (Tony McNamara) คือการปูตัวละครให้เอสเตลลาหรือครูเอลล่ามีความฝันที่จะเป็นดีไซน์เนอร์และการค่อย ๆ ใส่ความร้ายให้คาแรกเตอร์ของเอสเตลลาควบคู่ไปกับการขายงานดีไซน์เสื้อผ้าและโปรดักชั่นดีไซน์ที่บทได้วางหมากของเกมแก้แค้นนี้ได้อย่างน่าติดตาม

รีวิวหนังฝรั่ง Cruella

ครูเอลลาในฉบับปี 2021 ได้เล่าเรื่องราวของเด็กหญิงเอสเตลล่า ที่ในวัยเด็กเธอคืออัจฉริยะ เป็นตัวแสบ เข้ากับสังคมได้ยาก มีเพื่อนน้อย และก่อปัญหาภายในโรงเรียนอยู่บ่อยครั้ง จนแม่ของเธอที่มีอาชีพเป็นช่างตัดเย็บเสื้อผ้า ต้องพาเธอย้ายไปในเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ

แต่เนื่องจากสถานะทางการเงินไม่ค่อยดีนัก ระหว่างที่เดินทางแม่ของเธอก็ได้ไปพบกับคนคนหนึ่งในปราสาทหลังใหญ่เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ครั้งนั้นด้วยความซุกซนความอยากรู้อยากเห็นของเอสเตลล่า ก็เป็นเหตุที่ทำให้แม่ของเธอเสียชีวิต จนทำให้เธอระหกระเหินเร่ร่อนมาอยู่ในลอนดอน

ที่น้ำพุในสวนแห่งหนึ่ง เธอได้พบกับเพื่อนชาย 2 คน ที่เป็นเด็กเร่ร่อน แล้วก็ได้ชวนเธอให้ไปอยู่ด้วยกัน ออกขโมยของเล็ก ๆ น้อย ๆ ประทังชีวิต อยู่อย่างนี้ตั้งแต่เล็กจนโต

จนเมื่อเอสเตลล่าโตขึ้น เธอก็ยังขโมยของอยู่เช่นเดิม แต่ละลึกภายในใจแล้วสิ่งที่เธออยากเป็นก็คือแฟชั่นดีไซเนอร์เหมือนกับแม่ของเธอ ทุกวันที่เธอไปขโมยของเธอก็ต้องมองป้ายโฆษณาของ House of Baroness เป็นแบรนด์เสื้อผ้าชั้นแนวหน้าของประเทศอังกฤษ เพื่อนชายทั้งสองก็เห็นว่าชีวิตการลักเล็กขโมยน้อยนั้นไม่ใช่ชีวิตของเอสเตลล่า จึงหาทางให้เธอได้ไปทำงานในห้างสรรพสินค้าชื่อดังของอังกฤษคือ Liberty ที่ขึ้นชื่อด้านการขายเสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์เนมชั้นดัง

ครูเอลล่าเป็นคนที่เกิดมามีผมสองสีคือสีขาวและสีดำ และเธอก็มีนิสัยซนๆเพี้ยนๆแบบเดียวกับเด็กผู้หญิงที่อยากรู้อยากเห็นและซุกซน ขี้เล่น เหมือนเด็กผู้ชายทั่วไปแต่เพราะสีผมที่แตกต่าง จึงทำให้เพื่อนๆทุกคนจับตามองเธอ แม่ของเธอสอนให้ครูเอลล่าทำตัวเหมือนคนปกติธรรมดาเข้าไว้ ก่อนที่ครูเอลล่าจะสูญเสียแม่ของเธอให้กับสุนัขพันธ์ดัลเมเชี่ยน และมันก็ทำให้เธอทั้งเกลียดและกลัวสุนัขพันธ์ดัลเมเชี่ยนตั้งแต่นั้นมา

ซึ่งฟ็อกซ์และแม็คนามาราก็อาศัยช่องว่างของข้อมูลที่เราไม่เคยเห็นในฉบับการ์ตูนมาถักทอเรื่องราวได้อย่างครบรสทั้งการต่อสู้เพื่อความฝันในการเป็นดีไซน์เนอร์ ภูมิหลังครอบครัวที่ชวนใจสลายไปจนถึงความสามารถในการดีไซน์ของเธอที่ถูกนำมาใช้เป็นอาวุธในการแก้แค้นครั้งนี้ที่นอกจากจะน่าตื่นตาตื่นใจแล้ว มันยังสื่อถึงยุคสมัยของแฟชั่นพังก์ร็อคที่เข้ากับความเป็นขบถในตัวเอสเตลลาได้เป็นอย่างดี

หนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้คนดูไม่อาจละสายตาจากหนังได้คงหนีไม่พ้นงานคอสตูมดีไซน์เนอร์ (Costume Designer) โดย เจนนี บีแวน (Jenny Beavan) หากไอเดียของฟ็อกซ์และแม็คนามาราอยู่่ในกระดาษคนที่ทำให้มันออกมาจับต้องได้คงหนีไม่พ้นบีแวนนี่แหละ ตั้งแต่ซีนเปิดตัวครูเอลลาด้วยฉากเผาผ้าคลุมไปจนถึงแฟชั่นชุดขยะลากยาวที่ทำเอาคนดูอดกรี๊ดตามไม่ได้ทำให้เห็นเลยว่าออสการ์ปีนี้หากไม่มีชื่อบีแวนเข้าชิงมันคงต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ

รีวิวหนังฝรั่ง Cruella

สำหรับ ครูเอล่า เดอวิล เป็นหนึ่งในตัวร้ายที่มีชื่อเสียงมากและคนจดจำภาพลักษณ์ของเธอได้มากเป็นอันดับต้นๆ ในหนังดิสนีย์จากยุค 60 อาจเพราะรูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่น ทั้งทรงผมและสีผมสุดแปลก การแต่งกายฉูดฉาด ในขณะเดียวกันหากเปรียบเทียบกับเหล่าแม่มดร้ายหรือแม่เลี้ยงใจร้ายในการ์ตูนดิสนีย์รุ่นเก่า

ครูเอลล่ามีความจับต้องได้และออกแอ็กชั่นลงมือก่อการอย่างดุเดือดจนน่าจดจำได้มากกว่า อีกทั้งตัวละครนี้ก็ไม่ได้มีพลังพิเศษหรือเวทมนต์อะไร เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาที่บ้าแฟชั่นและมีรสนิยมด้านนี้รุนแรงกับความคิดสุดโต่งเกินไปเท่านั้น เรียกว่าเราสามารถพบเจอผู้หญิงแบบนี้ได้ในสังคมทั่วไป โดยเฉพาะโลกของการทำงาน

ทีนี้พอจับตัวละครนี้มาทำการสำรวจลงลึกหรือตีความใหม่ นับว่าตัวละครนี้เข้าข่ายน่าสนใจเป็นพิเศษ เพราะความเป็นตัวละครที่แสดงออกถึงความหัวขบถ แถมยังเข้ากับยุคสมัยที่มีการเชิดชูเฟมินิสต์ ความกล้าฉีกกรอกสังคม ที่ในภาพยนตร์ตีความใหม่ว่าเธอเป็นเสมือนหนึ่งในผู้ที่มาก่อนกาล

ตรงนี้หากเทียบกับ Joker ซึ่งเป็นตัวร้ายอมตะตลอดกาลของวงการคอมิค นับว่าครูเอลล่ามีความคล้ายคลึงบางอย่างที่แปลกประหลาดมาก ทั้งในแง่การแต่งตัวและการทำตัวหลุดโลก ความบ้าคลั่งต่างๆ ที่แสดงออกมา แม้ว่าครูเอลล่าจะมีความโหดเหี้ยมน้อยกว่า

แต่ก็ยังมีมุมมืดเหมือนกันในแง่การทารุณสัตว์ (ในต้นฉบับเดิม ครูเอลล่าวางแผนใช้หนังสุนัขดัลเมเชี่ยนมาเป็นหนังของเสื้อคลุม) แต่เนื่องจากภาพยนตร์ฉบับล่าสุดต้องการทำให้ครูเอลล่ามีความเป็นตัวละครแนวแอนตี้ฮีโร่มากขึ้น จึงยังไม่พูดถึงแนวคิดที่ว่านั้นของเธอ แม้ว่าในเรื่องจะมีฉากที่เธอพูดเรื่องนี้ออกมาบ้างก็ตาม

ด้านการแสดง ต้องยกให้พลังของ เอ็มม่า สโตน การแสดงของเธอคู่ควรกับรางวัลออสการ์นักแสดงนำหญิงที่เคยได้รับมาจริงๆ เรื่องนี้เธอเป็นศูนย์กลางของเรื่องที่ทำให้เรื่องราวเดินหน้าไปได้จนจบ แล้วยังสามารถแสดงในบทของ เอสเตลล่าและครูเอลล่า

ที่แม้จะเป็นคนเดียวกันแต่มีบุคลิกและการแสดงออกที่แตกต่างกันสุดขั้วได้สุดยอดมากๆ อีกคนที่ต้องชมคือ เอ็มม่า ทอมป์สัน ในบทบาทรอสเนส ที่แสดงได้ยอดเยี่ยมในฐานะนักแสดงรุ่นใหญ่และเป็นตัวร้ายหลักของเรื่องนี้ ในขณะที่นักแสดงคนอื่นๆในเรื่องนี้ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน เช่น โจเอิล ฟราย ที่ทำให้ภาพของตัวละครแจสเปอร์โดดเด่นขึ้นมาเลย แล้วยังรวมถึงเหล่าน้องหมาในหนังเรื่องนี้ที่น่ารักเอามากๆ

แต่หนังก็ไม่ได้มีแต่ข้อดีไปหมด เนื่องจากหนังต้องการนำเสนอตัวร้ายของหนังดิสนีย์ยุคเก่าในแบบแอนตี้ฮีโร่ ที่ผสมระหว่างความเป็น เฟมินิสต์+คนหัวขบถรุ่นใหม่ หนังจึงดูเหมือนความพยายามนำเสนอความกล้าฉีกให้มาปะทะกับแนวทางอนุรักษ์นิยมและแบบเดิมๆรวมถึงสังคมชายเป็นใหญ่ที่หนังใส่เข้ามาตั้งแต่แรกเริ่ม

แต่ประเด็นนี้หนังแตะเพียงผิวเผินเท่านั้นแล้วก็ไม่ได้ไปต่อมากกว่าแค่บอกเราว่าครูเอลล่าเป็นพวกคนหัวใหม่กล้าฉีก แล้วก็จบเท่านั้น อีกจุดที่หนังขาดความสมจริงอย่างแรงก็คือพวกฉากการปะทะ ฉากแอ็กชั่นต่างๆ ที่หนังทำมาในแนวดิสนีย์ คือแม้จะมีแอ็กชั่นแค่ไหนแต่มันก็เป็นแอ็กชั่นแนวเด็กๆ อยู่ดี เพียงแต่เพิ่มความดาร์กเข้ามาในเนื้อหาขึ้นอีกนิดหน่อย

สำหรับแนวทางการเดินเรื่อง หนังใช้การผสมผสานหลายแนว ยำเข้าด้วยกัน มีทั้งแนว ปล้น ดราม่า สืบสวน หนังเด็ก หนังแฟชั่น เรียกว่าเหมือนเรากำลังดูการยำรวมกันระหว่าง 101 + Devil Prada + Ocean Eleven + Bird of Prey ตรงนี้จะมองว่าเป็นข้อด้อยก็ได้ เพราะหนังไปไม่สุดสักด้าน แต่ยังดีว่าที่หนังมีเป้าหมายของเรื่องที่ชัดเจนอยู่ เลยทำให้มันไม่หลุดออกทะเลจนน่าเกลียดไป

แน่นอนว่าแม้บทจะดี แม้งานสร้างจะเนี๊ยบแต่หากไม่ได้ผู้กำกับที่เข้าใจในเรื่องและตัวละครคงยากที่หนังจะออกมาดี ดังนั้นการได้เคร็ก จิลเลสพาย (Craig Gillespie) ที่เคยทำ ‘I, Tonya’ หนังนักสเก็ตน้ำแข็งสุดห้าวมาเล่าเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงจากเอสเตลลาสาวน้อยผู้ฝันจะกลายเป็นดีไซน์เนอร์

สู่ครูเอลล่าขบถวงการแฟชั่นผู้คลั่งแค้น ได้อย่างเปี่ยมดราม่าสุดสะเทือนใจ ความตลกที่คนดูคุ้นเคยจากแอนิเมชันไปจนถึงความตื่นตาตื่นใจของฉากโชว์งานดีไซน์ของหนังที่เชื่อว่าหากได้ดูในโรงคงอดปรบมือและกรี๊ดตามไม่ได้อย่างแน่นอน

นอกจากงานกำกับจิลเลสพายแล้วเราคงมองข้ามงานการแสดงไม่ได้จริง ๆ แต่ก่อนไปเบอร์ใหญ่เราขอกล่าวสดุดีรุ่นเล็กกันก่อนใครจะเชื่อว่านักแสดงเด็กอย่าง ทิพเพอร์ ไซเฟิร์ต-คลีฟแลนด์ (Tipper Seifert-Cleveland) จะถ่ายทอดความร้ายและความชาญฉลาดได้เป็นอย่างดีรวมถึงซีนดราม่าที่แสดงฝีมือได้ยอดเยี่ยมจนเราเชื่อว่าหากไม่ได้การแสดงของคลีฟแลนด์เป็นตัวโหมโรงเราคงไม่รู้สึกสะเทือนใจกับชะตากรรมของเอสเตลลาเท่านี้ก็เป็นได้

รีวิวหนังฝรั่ง Cruella

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *