รีวิวหนังฝรั่ง Avatar 2 หนังแอ็คชั่น ผจญภัย ไซไฟ จากหนังภาคต่อที่ทิ้งห่างถึง 13 ปี ของอวตาร ภาค 2
ใครๆต่างรู้ดีว่าภาพยนตร์ที่ทำเงินมากที่สุดในโลก เคยตกเป็นของหนังเรื่อง Avatar ที่เป็นผลงานกำกับของ เจมส์ คาเมรอน ที่ก็เรียกได้ว่าเป็นหนังที่แจ้งเกิดเขาเลยก็ว่าได้ แต่ก็ไม่ได้มีแค่หนังเรื่องนี้ที่ทำให้เขาเป็นผู้กำกับอันดับต้นๆของโลก เพราะเขาเองก็มีผลงานดีมากมาย เรียกได้ว่าเพราะความสามารถล้วน ๆ แล้วในวันนี้เราจะมาแนะนำมา รีวิวหนังฝรั่ง ที่มาใหม่มาแรงสุดๆ และหลายๆ คนก็คงจะต่างรอคอยกันมาอย่างยาวนานนั่นก็คือ Avatar 2 จากผู้กำกับคนเดิม ที่จะกลับมาทำสิ่งที่เขาเริ่มไว้ ให้จบลงอย่างสมบูรณ์
รีวิวหนังฝรั่ง Avatar 2 หนังภาคต่อสุดยิ่งใหญ่ กับงานภาพสุดอลังการ จากผู้กำกับมือทอง เจมส์ คาเมรอน
หนังระดับตํานานที่มานะสร้างแฟรนไชนส์ของตนเอง ด้วยการต่อยอด ขยายเรื่องราว ไปหลายภาค ภาคนี้เลย เป็นการทิ้งค้างไว้ หลายสิ่งหลายอย่าง
และก็ได้ผลสําเร็จเสีย ข้อเสียที่เกิดขึ้นอย่างแจ่มแจ้ง ตั้งแต่แมื่อ ‘Avatar’ (2009) หรือ อวตาร ภาคแรก ออกฉายเมื่อ 13 ปีที่ผ่านมา
สิ่งนี้ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้จริงๆว่ามันทําให้ เจมส์ คาเมรอน (James Cameron) ผู้กํากับ ผู้ครอบครอง พล็อตเรื่อง คนเขียนบท เปลี่ยนเป็นตัวบิดาผู้มีอํานาจ
สําหรับ ในการสนับสนุน ภาพยนตร์สามมิติ อย่าง ที่ไม่เคยมีผู้ใดกันแน่ทําเป็นมาก่อน จริงๆ แล้วก็ ผลจากการทํางานอย่าง นานตลอด 13 ปี
ผลที่เกิดก็คือ หนังภาคต่อ ที่ว่าด้วยเรื่องของโลก ใต้น้ํา ของ ดาว แพนดอรา (Pandora) บ้าน เกิด ของ กสิกรวี ใน ‘Avatar: The Way of Water อวตาร วิถีที่สายน้ํา’ หัวข้อนี้ นี่แหละนะครับ
การดำเนินเรื่องใน Avatar 2
avatar 2 เรื่องย่อ การเดินเรื่อง ในภาคนี้เป็นเล่าแบบรวบรัดว่าเจคมีลูกแล้ว 3 คน กับ 1 ลูกเลี้ยง ที่เกิดขึ้นจาก ดร.เกรซ (กําเนิด ได้ยังไง ในหนังมีค่าชี้แจงย่อๆ)
รวมทั้ง ตัด แสดงมนุษย์กลับมาบุก แพนโดรา อีกในทันที โดยมีตัวร้ายผู้พันจาก ภาคเก่า กลับมาในร่างอวตาร กับกลุ่มเดิมหลายๆคนของเขา ในเรื่อง บอก
ไว้โดยประมาณว่า 30 ปี จาก ตอน สุดท้าย ภาคแรก แม้กระนั้นเวลาบนโลก กับแพนโดร่า ไม่น่าเสมอกัน เพราะว่ามีตัวละครใหม่ที่เป็นเด็กมนุษย์โต มาบนแพนโดร่า อายุราว วัยรุ่น
เท่าๆกับ ลูก ของเจค ซึ่งจะเป็นตัวสําคัญมากของเรื่อง คนหนึ่ง ที่ ตัวเรื่อง ทําเป็นดี เป็นมิได้ รอคอยช้าจัดฉากบู๊ ฝ่ามาให้โดยทันทีตั้งแต่ชั่วโมงแรก ก่อนที่จะองค์ สอง
กึ่งกลางเรื่องจะเป็นการ ทําความรู้จัก กับเผ่า ชาวเล ที่มีวิถีชีวิต ต่างออกไปจากเผ่าป่า ของเจค ซึ่ง ก็ พา ให้ พวกเรา ได้ตื่นตาตื่นใจกับโลก ใหม่ของแพนโดรากัน ปิ้งเต็มที่
พร้อมด้วยแนะนําตัวละครใหม่วัยรุ่นของเผ่า ชาวเล ที่มีความเกี่ยวพันกับลูก ของ เจค โดยลด หน้าที่ บิดามารดาหันมา จุดโฟกัสที่ลูกเป็นหลัก ราวกับเป็นการบากบั่น ส่งต่อบทเอาไว้ภายในภาคถัด ไปให้เป็นตัวหลักขึ้นมาเท่า รุ่น บิดามารดา
ความประทับใจใน Avatar 2
สิ่งที่จําเป็นต้องชื่นชอบอย่างแน่นอนแบบที่ไม่ต้องทายใจอะไรให้วุ่นวายก็อาจจะหนีไม่เป็นไปไม่ได้ทัศน์ของผู้กำกับ นั่นแหละขอรับ เพราะไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลยว่า
การผลักดันและส่งเสริมเทคโนโลยี ด้าน การถ่ายรูปสามมิติ ในภาคนี้นั้นไปไกลกว่าภาคแรก รวมทั้ง ไกลกว่า หนังเรื่องอื่นๆ ไปไกลมาก
โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งงาน วิชวลเอฟเฟกต์ ที่เรียกว่า หาจุด เรือโป๊ะจ้าย ได้ยากจริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่เหมือนจริง แม้กระนั้นมันสมจริงสม จัง สุดๆ ใน ทุกรายละเอียด
ตั้งแต่แผ่นน้ํา สัตว์ใต้น้ํา ต้นปะการัง พืชสมุทร ที่งามละลานตา ตั้งแต่ช็อตแรกจน กระทั่ง ช็อต ในที่สุด ทั้งยัง แนวทางการทํา Motion Capture ใต้น้ํา
ที่ทําให้เกิดอาการชาวนาวีสามารถดําตรง ใน น้ํา ได้อย่างเป็นธรรมชาติ แล้วก็พลิ้วไหวเหมือนกับ ไปถ่ายทําในสมุทร จริงๆเช่นไรแบบนั้น
รีวิวหนังฝรั่ง Avatar 2 ความว้าว เรื่องงานภาพ และการลงทุน ทุ่มสุดตัวของทีมงาน
สิ่งที่ผมว้าวมากๆในครั้งแรก ก็คือการถ่ายทําด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดย High Frame Rate (HFR) ที่ในหนัง จะใช้เฟรมเรต 2 แบบสลับกันไปครับ เป็น ในฉากที่แอ็ก ครั้ง
จํานวนไม่ใช่น้อย อาทิเช่นฉากแอ็กชัน ฉากบิน ฉากวิ่ง ก็จะใช้ Frame Rate ที่ 48 เฟรม ต่อวินาที ส่วนฉากอื่นๆก็จะกลับมาใช้ 24 เฟรม ตามเดิม
เพื่อยังคงอารมณ์ ความเป็น Cinematic ของ หนัง ซึ่ง อาจจะเป็นผลให้ความลื่นไถลของ ภาพมอง ไม่บ่อยนัก บ้าง แม้กระนั้น ในทาง ฟังก์ชัน ก็นับว่าเห็นผล และไม่ได้นับ ว่า น่าเบื่อตารําคาญอะไร
สรุป Avatar 2
สรุปแล้วเป็น ภาคต่อ ที่ยอดเยี่ยมจริงๆงาน ภาพที่สวยงามอลังการแบบไม่มีที่ว่ากล่าว ยกฐานะความแหลมคมชัด ละเอียดมาก ของ CG ให้เป็นมาตรฐานใหม่ของแวดวง
แบบเต็ม 10 ให้ 100 คะแนนเลย + ภาพ 3D ที่งาม ทะลุจอกระแทกหน้าตลอด เรื่อง เสมอเหมือนผู้ชมได้ร่วม มุดน้ํา ลง ไป ใต้ ทะเลหน้าในโลกแพนโดรา
นี่เป็นสิ่งที่ ล่อใจ ให้มอง ได้เพลินเกือบจะไม่มีช่วงเบื่อได้เลย แต่ว่าจะต้องทําใจกับบทที่มองอ่อนลงมากกว่า ภาคแรก ที่ว่า อ่อนแล้ว ขาดฉากตรึงใจ แบบที่ภาคแรกมีให้
มีการตกลงใจของผู้แสดง ที่ไม่สมเหตุผลเท่าใด รวมทั้งยังจบ แบบ ทิ้ง ค้าง เรื่อง ไว้ ภาคต่อแบบแน่ชัด โดยไม่ยินยอม จัดการเงื่อนที่เปิดไว้ให้หมด หลายชนิด
แต่ว่า โดยรวม นี่ก็ ยังเป็นหนังที่มีค่าแก่การไปมอง ในโรง ไม่ต้องรอดูในสตรีมมิ่ง Disney+ เพราะเหตุว่ายาวนานมากแน่นอนกว่าจะมาลง และไม่ได้อรรถรส เท่าดูในจอโรงภาพยนตร์อย่างแน่นอน