รีวิว Ghost House – มันอยู่ในศาล
บอกเลยว่าผมดูเรื่องนี้ก่อนดู Annabelle: Creation ครับ เป็นการดูตามลำดับความคาดหวัง (555) ประมาณว่ากะแล้วน่ะครับว่า Annabelle มันต้องเวิร์กกว่าเรื่องนี้แน่นอนแล้วก็เป็นไปตามคาดครับ นี่คือหนังผีแบบคุ้นเคยว่าด้วยจิม (James Landry Hébert) และจูลี่ (Scout Taylor-Compton) คู่รักที่มาพักผ่อนในไทย ซึ่งจูลี่ดูจะเครซี่เกี่ยวกับศาลพระภูมิในบ้านเรามาก เธอคงเห็นว่าเป็นของแปลกและดูสวยงามน่ะครับแล้วพวกเขาก็ไปเจอกับชายอีก 2 คนที่ชักชวนให้ไปดูศาลเจ๋งๆ แล้วก็โน้มน้าวให้จูลี่แตะต้องของในศาล ครั้นพอจูลี่แตะปุ๊บ 2 คนนั้นก็โกยอ้าวครับ ปล่อยให้จูลี่มีอาการแปลกๆ ล้มทั้งยืนอยู่ตรงนั้น จนจิมต้องขอความช่วยเหลือ
ในที่สุดจิมก็ค้นพบว่า จูลี่โดนคำสาปเข้าแล้วครับ เป็นคำสาปของวาตาเบ คำเรียกของผีตายโหงที่สิงอยู่ในศาล แล้วผีตนนี้ก็จะจองล้างเอาชีวิตจูลี่อย่างแน่นอน หากพวกเขาไม่ทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้ไขจำได้ใช่ไหมครับว่าผมอยากดูหนังเรื่องนี้ด้วยเหตุผลว่า ผมอยากเห็นประเทศไทยในมุมกล้องที่ต่างออกไป ซึ่งในตัวอย่างผมว่าภาพประเทศเราในบางมุมมันดูสวยนะ ครั้นพอได้ดูก็พบว่ามีสวยอยู่บ้างครับ แต่ปัญหาคือหนังไม่ค่อยได้ไปจับภาพมุมสวยๆ ของบ้านเรามาถ่ายสักเท่าไรเลย
รีวิว Ghost House – มันอยู่ในศาล
ก็ไม่แปลกครับ เพราะนี่เป็นหนังผีไม่ใช่หนังที่คู่รักมาเที่ยวแบบโรแมนติกอะไรแบบนั้น ขนาดสถานที่ที่จิมและจูลี่ไปท่องเที่ยวก็ไม่ใช่แลนด์มาร์คอะไร แต่เป็นแผงขายพระเครื่องและวัตถุมงคลครับ… จริงๆ มันก็ไม่ใช่อะไรที่ผมหวังไว้แฮะ แต่ด้วยบริบทเนื้อเรื่องของหนังก็เข้าใจได้น่ะสิ่งหนึ่งที่ผมต้องสารภาพคือ ระหว่างดูหนังเรื่องนี้นี่ผมรู้สึกเหมือนประเทศไทย (ในเรื่อง) มันดูไม่น่าอยู่เอาซะเลย เพราะภาพที่ปรากฏในจอมันชวนให้รู้สึกว่าประเทศเรานี้แออัด โรงแรมกับโรงพยาบาลนี่แทบแยกไม่ออก อารมณ์เหมือนดูสารคดีตามล่าหาความจริงเกี่ยวกับมุมมืดของเมืิองกรุงอะไรประมาณนั้นน่ะครับ
แต่ก็พอเข้าใจน่ะครับ หนังสยองขวัญ สถานที่ที่ตัวละครไปถ้าไม่ใช่ที่เปลี่ยวก็จะเป็นอาคารแคบๆ หรือไม่ก็ร้างๆ มันเลยดูอึดอัด ไม่เจริญหูเจริญตาสักเท่าไร (แต่หนังสยองที่ถ่ายภาพออกมาได้สวยแบบหลอนๆ ก็มีนะ… ทว่าไม่ใช่กับเรื่องนี้ครับ) แต่จุดที่ทำให้ผมแอบช้ำใจที่สุดก็คือ ฝรั่งมาถึงเมืองไทย แต่แทนที่จะโดนผีสัญชาติไทยหลอกให้สมกับที่มาไทย พวกเขาดั๊นนนนนโดนผีสัญชาติญี่ปุ่นหลอกแทน คือสรุปว่าผีในศาลนั้นมาจากญี่ปุ่นนะครับ เรื่องประมาณว่าเธอเป็นผู้หญิงญี่ปุ่นที่มารักกับชายไทย แล้วชายคนนั้นก็ไปนอนกับคนใช้ เธอเลยโกรธแค้น ครั้นพอตายในไทยก็เลยมาสำแดงฤทธิ์ในไทยต่อเลย ดูหนัง
เนื้อเรื่อง
ถ้าถามว่าสยองไหม ก็ตอบตรงๆ ว่าพอถึงฉากสยองตอนที่นางเอกเจออะไรหลอนๆ มันก็โอเคน่ะครับ (แอบรู้สึกว่ามีการยืมอารมณ์แบบ Insidious และ Drag Me to Hell มาใช้พอประมาณ) แต่มันก็ไม่ได้แปลกใหม่หรือหลอนสุดๆ อะไร
ส่วนเนื้อเรื่องก็ออกแนวหาทางแก้คำสาปล้างอาถรรพ์ (มีการนับวันแบบ The Ring) แต่การปราบผีในตอนท้ายบทจะง่ายก็ง่ายซะจนไม่รู้สึกว่าผีมันร้ายอะไรขนาดนั้น คือดูแล้วรู้สึกว่าหลายอย่างมันไม่สุดน่ะครับ เนื้อเรื่องไม่สุด เดินเรื่องไม่สุด ปมไม่สุด
โดยรวมแล้วนี่ก็คือหนังผีเกรดบีเรื่องหนึ่งที่มาถ่ายในไทยเท่านั้นเองครับ แต่ความน่าดูน่าสนใจไม่เยอะเท่าไร ดูจบแล้วก็จบกัน แต่สิ่งหนึ่งที่คิดหลังดูคือ นับจากนี้ไปต่างชาติที่ดูหนังเรื่องนี้จะมองศาลพระภูมิในบ้านเราแบบไหนกันเนี่ย…ศาลที่ผีต่างชาติเข้ามาอยู่และสำแดงฤทธิ์อิทธิพลในแผ่นดินไทยได้… รู้สึกเหมือนเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขตยังไงก็ไม่รู้แฮะ ดูหนังออนไลน์
การดำเนินเรื่อง
เรื่องราวของ จิม และ จูลี่ คู่รักหัวทองชาวอเมริกันที่เดินทางมาเที่ยวสวีทกันถึงเมืองไทย ทั้งคู่ได้พบเห็นศาลพระภูมิตามบ้าน ตามตึกแทบจะทุกหลัง และได้รับฟังจากคนขับรถท้องถิ่นที่คอยรับส่งพวกเขาว่า ‘ความเชื่อของคนไทยคือต้องทำให้ผีมีความสุข ด้วยการตั้งศาลเลี้ยงผีอย่างดี ผีจะได้อยู่แต่ในศาล ไม่ออกมาอยู่ในบ้านเรา’ จูลี่ได้ฟังแบบนั้น ก็รู้สึกสนใจในเรื่องของศาลพระภูมิขึ้นมาทันที และก็เที่ยวตระเวนถ่ายรูปศาลตามที่ต่างๆ
จนพวกเขาได้พบกับนักท่องเที่ยวหนุ่มชาวอังกฤษ 2 คนที่พักที่เดียวกัน พวกเขาชวน จิม และ จูลี่ ไปเที่ยวจนเริ่มถูกคอ ก่อนจะแนะนำว่าถ้าชอบศาลพระภูมิ พวกเขามีที่จะแนะนำ เป็นสุสานศาลพระภูมิ พวกเขาทั้งหมดไม่รอช้า พากันขับรถไปทันที แต่แล้ว จูลี่เกิดไปหยิบเอาสิ่งของบางอย่างติดมือมาจากศาลร้าง หลังจากนั้น เธอก็ต้องพบกับความหลอนอาฆาตแบบตามติดไปทุกที่!
รีวิว
ต้องยอมรับว่ากระแสของตัวอย่างหนังที่ปล่อยออกมาแรงมากๆ ด้วยความที่มันเป็นผีไทย ถ่ายในเมืองไทย อ้างอิงเรื่องราวความเชื่อแบบไทยๆ ทำให้คนไทยสนใจมาก คาดหวังไปต่างๆ นานา แต่พอได้ดูแล้วต้องบอกตามตรงว่า มันไม่ใช่อะ.. หนังพยายามดัด พยายามดึงความเชื่อของไทย โดยที่ถ้าเอาไปให้ต่างชาติดูเค้าก็อาจจะบอกว่าน่ากลัว แต่สำหรับคนไทย เราคุ้นเคยกับผีไทย ความหลอนแบบไทย ที่ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าน่ากลัวมากแค่ไหน พอมาดูเรื่องอาจจะรู้สึกว่า เหยยย? มันแปลก ดูหลอก ไม่ลงตัว พูดง่ายๆ คือ กูไม่เชื่อ แถมจะขำด้วยซ้ำ ดูหนัง4k
“Ghost House มันอยู่ในศาล” บอกเล่าถึงเรื่องราวของคู่รัก “จิม” และ “จูลี” ที่มาพักร้อนในเมืองไทย แต่แล้วความสงบสุขในชีวิตของทั้งคู่ก็ได้ถูกพรากไป เพราะจูลี่ไปทำการลบหลู่ “ศาลพระภูมิลึกลับ” กลางสุสานศาลพระภูมิป่าด้วยความไม่ตั้งใจ จนต้องเอาชีวิตรอดจากสิ่งที่ตามอาฆาตเอาชีวิตพวกเขา จิมจึงต้องหาทางแก้ไขกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อช่วยชีวิตคู่หมั้นของเขาให้ทันเวลา จากทริปแห่งความสุขกลับกลายเป็นทริปแห่งความสยดสยองที่จะสร้างประสบการณ์ขนหัวลุกไม่รู้ลืม
“อย่าลองดีกับผีไทย” ไอเดียเฮี้ยนแหกขนบภาพยนตร์สยองขวัญที่ขอท้าให้คุณมาลองดูบทเรียนของคนกล้าลองดีสักครั้งใน “Ghost House มันอยู่ในศาล” 17 สิงหาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์หลัง ๆ มานี้พวกเราจะคุ้นเคยกับหนังผีไทยแนว ๆ ลัดดาแลนด์, ชัตเตอร์, สี่แพร่ง, พี่มากพระโขนง, รวมถึง เพื่อน…ที่ระลึก ที่กำลังจะเข้าฉาย ซึ่งล้วนเป็นหนังผีที่ดูมีความอินเตอร์และประเด็นตามยุคสมัย ไม่ว่าจะความรักเอย ครอบครัวเอย หรือไม่ก็หนังผีตลกบ้าบอคอแตกไปเลยแบบพวกหอแต๋วแตก, บุปผาราตรี ฯลฯ
รีวิว มันอยู่ในศาล
สมัยนี้พวกเราจะไม่ค่อยเจอหนังผีไทยโดยคนไทยที่จะมาขยี้อะไรกับความเชื่อเก่า ๆ ของคนไทยแล้วเท่าไหร่ แต่ในหนังเรื่อง Ghost House ซึ่งเป็นหนังผีศาลพระภูมิไทยในมุมมองของฝรั่ง จะมีสัญลักษณ์และบริบทเกี่ยวกับความเชื่อหรือวัฒนธรรมไทยซึ่งเป็นสิ่งที่ฝรั่งสนใจอยู่เยอะหน่อย โดยทั้งเรื่องถ่ายที่ประเทศไทย 100% มีลูกครึ่งไทย-แคนาดาแสดงนำด้วยหนึ่งคน เล่นเป็นไกด์
Ghost House เป็นเรื่องของคู่รักชาวอเมริกัน Jim (James Landry Hébert จาก Gangster Squad) กับ Julie (Scout Taylor-Compton จาก Halloween) ที่มาเที่ยวไทย แล้วมาได้เพื่อนใหม่ชาวบริติชชื่อ Robert (Russell Geoffrey Banks) กับ Billy (Rich Lee Gray) ซึ่งต่อมาพากันไปดูสุสานศาลพระภูมิที่นอกเมือง จนเกิดเรื่องขึ้น
เนื่องจาก Ghost House เป็นหนังทุนต่ำ โปรดักชั่นตามมีตามเกิด ทีมงานและนักแสดงก็ไม่ได้เบอร์ต้น ๆ ดังนั้นเราไม่อยากเอาเรื่องนี้เปรียบเทียบคุณภาพกับหนังฮอลลีวู้ดทั่วไป (ยิ่งกับของจักรวาล James Wan ยิ่งไม่ต้องพูดถึง) แต่ก็ขอชื่นชมในความพยายามและทะเยอทะยานที่จะเล่าเรื่องและถ่ายภาพ เช่น แม้หนังจะไม่มีช่องว่างของเรื่องให้ใส่ช้างใส่ลิง มันก็ยังใส่ช้างมาจนได้ (เข้าใจว่า ถ้าพูดถึงประเทศไทย ฝรั่งคงต้องนึกถึงช้าง) ดูหนังออนไลน์4k
เรื่องย่อ
เรื่องราวของ จิม และ จูลี่ คู่รักหัวทองชาวอเมริกันที่เดินทางมาเที่ยวสวีทกันถึงเมืองไทย ทั้งคู่ได้พบเห็นศาลพระภูมิตามบ้าน ตามตึกแทบจะทุกหลัง และได้รับฟังจากคนขับรถท้องถิ่นที่คอยรับส่งพวกเขาว่า ‘ความเชื่อของคนไทยคือต้องทำให้ผีมีความสุข ด้วยการตั้งศาลเลี้ยงผีอย่างดี ผีจะได้อยู่แต่ในศาล ไม่ออกมาอยู่ในบ้านเรา’ จูลี่ได้ฟังแบบนั้น ก็รู้สึกสนใจในเรื่องของศาลพระภูมิขึ้นมาทันที และก็เที่ยวตระเวนถ่ายรูปศาลตามที่ต่างๆ
จนพวกเขาได้พบกับนักท่องเที่ยวหนุ่มชาวอังกฤษ 2 คนที่พักที่เดียวกัน พวกเขาชวน จิม และ จูลี่ ไปเที่ยวจนเริ่มถูกคอ ก่อนจะแนะนำว่าถ้าชอบศาลพระภูมิ พวกเขามีที่จะแนะนำ เป็นสุสานศาลพระภูมิ พวกเขาทั้งหมดไม่รอช้า พากันขับรถไปทันที แต่แล้ว จูลี่เกิดไปหยิบเอาสิ่งของบางอย่างติดมือมาจากศาลร้าง หลังจากนั้น เธอก็ต้องพบกับความหลอนอาฆาตแบบตามติดไปทุกที่!
ต้องยอมรับว่ากระแสของตัวอย่างหนังที่ปล่อยออกมาแรงมากๆ ด้วยความที่มันเป็นผีไทย ถ่ายในเมืองไทย อ้างอิงเรื่องราวความเชื่อแบบไทยๆ ทำให้คนไทยสนใจมาก คาดหวังไปต่างๆ นานา แต่พอได้ดูแล้วต้องบอกตามตรงว่า มันไม่ใช่อะ.. หนังพยายามดัด พยายามดึงความเชื่อของไทย โดยที่ถ้าเอาไปให้ต่างชาติดูเค้าก็อาจจะบอกว่าน่ากลัว แต่สำหรับคนไทย เราคุ้นเคยกับผีไทย ความหลอนแบบไทย ที่ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าน่ากลัวมากแค่ไหน พอมาดูเรื่องอาจจะรู้สึกว่า เหยยย? มันแปลก ดูหลอก ไม่ลงตัว พูดง่ายๆ คือ กูไม่เชื่อ แถมจะขำด้วยซ้ำ
ด้านความสยอง มันก็เป็นหนังผีตุ้งแช่ดาดดื่นทั่วๆ ไป ที่ใส่ฉากตุ้งแช่ให้คนดูตกใจแบบไม่มีชั้นเชิงสักเท่าไร ยิ่งด้านบทหนังแล้วถือเป็นจุดบอดที่สุดเลยล่ะ บทอ่อนมาก แทบจะไม่มีอะไรให้ลุ้นเลย หลังๆ นี่ออกทะเลไปเลยจ้าาา จะพูดถึงนักแสดงก็ไม่มีเสน่ห์ดึงดูด ไม่รู้จะพูดอะไรดี.. งานภาพก็ไม่ผ่าน อย่างฉากในป่าตอนใกล้สว่างนี่ ยังกะมาย้อมสีเอาทีหลัง งานเสียงก็ไม่ได้ พูดคุยกันริมถนนนี่มีเสียงรบกวนจนระคายหู ตุ้งแช่ก็ดังเกินสงสัยกลัวจะไม่ตกใจ
สรุปโดยรวม
ช่วงแรก ๆ เราเพลิดเพลินกับการทัวร์กรุงเทพฯ ทั้งในด้านความสวยงามและความไม่ดีงามของไทย ในมุมมองของฝรั่ง (ถึงแม้มันอาจจะเหมือนคลิป Vlog ฝรั่งพาเที่ยวไทยทั่วไป) ตั้งแต่สถานที่ท่องเที่ยว ทั้ง Cultural Tourism อย่างวัดวาอาราม และ Sex Tourism อย่างสถานเริงรมย์กลางคืน รวมถึงชอบที่เขาเล่าประเด็นยิบย่อยต่าง ๆ ที่เขาพบเจอจากการเที่ยวไทย ไม่ว่าจะเป็น การที่คนไทยชอบคิดราคากับนักท่องเที่ยวต่างชาติคูณสอง, การที่เมนูในร้านอาหารไม่มีภาษาอังกฤษสำหรับชาวต่างประเทศ, จนถึงความเชื่อเรื่องสิ่งเหนือธรรมชาติ ฯลฯ
แต่ถ้ามองในภาพรวม หนังมีความมั่ว ๆ นัว ๆ ทั้งการเล่าเรื่องและโลเกชั่น เช่น ตัวละครเอกเหมือนจะพักที่โรงแรมแถวราชดำริ ซึ่งค่อนข้างเจริญ แต่พอต้องไปโรงพยาบาลด่วน ก็ไปโผล่โรงพยาบาลไหนก็ไม่รู้ที่ดูเก่ามาก ๆ ก่อนจะขับรถลงเรือไปหาหมอผีแถวสังขละบุรี ซึ่งในชีวิตจริง การไปสะพานมอญกับวัดใต้บาดาลที่นั่นมันไม่ยากลำบากปานนั้นและไม่จำเป็นต้องผ่านน่านน้ำน่ากลัวอะไรเลย (ในหนังพานั่งเรือผ่านไปเจอพรายน้ำ…เจอแบบที่ไม่รู้จะเจอทำไม)
ในส่วนของความน่ากลัว สำหรับเรา เราไม่หลอนและไม่รู้สึกว่ามันน่ากลัวอะไรเลย เวลาผีออกมาแต่ละที เรากลับรู้สึกตลกผีมากกว่า ถ้ากลัวก็คงเป็นกลัวในลักษณะของการตกใจ เพราะผีมันตุ้งแช่ๆอยู่นั่น เหมือนเกิดมาหลอกเป็นอยู่แค่แบบนี้ ถ้าถามว่าสนุกมั้ย เราว่าพอดูได้ แต่ไม่ดี ไม่สนุก คือมันน่าติดตามแค่ช่วงแรก ๆ ส่วนช่วงหลัง ๆ เริ่มไม่มีอะไรน่าสนใจละ น่าเบื่อ และเรื่อยเปื่อยไปหมด
การกำจัดผีก็มีทั้งสไตล์ฝรั่ง คล้าย ๆ จากเรื่อง It Follows และก็มีการกำจัดผีโดยเวทมนตร์ อาคม ไสยศาสตร์ หรือพ่อมดหมอผีแบบไทย ๆ ด้วย ซึ่งในหนังเขาก็บอกนะว่า ช่วยกำจัดผีได้ทั้งสองวิธีแหละ (แต่ในขณะที่ พระจะช่วยได้แค่ป้องกันหรือรักษาชั่วคราว และหมอในโรงพยาบาลนี่ช่วยอะไรไม่ได้เลย)
ผีในศาลพระภูมิในเรื่องเรียกว่า “วาตาเบ” ซึ่งแปลว่าอะไรก็ไม่รู้ หรือเป็นชื่อของผีผู้หญิงคนนั้นก่อนตายหรือยังไงก็ไม่แน่ใจ (ผีผู้หญิงคนนั้นเป็นคนญี่ปุ่นที่มาตายโหงที่ไทย) แต่เอาเป็นว่าหนังไม่ทำให้เราอินกับตำนานนั้น ไม่เข้าใจด้วยว่านางจะเกลียดผู้หญิงอะไรขนาดนั้นถึงต้องจ้องจะสิงแต่หญิงสาว โดยส่วนตัว ถ้าเป็นผีไทย เราเองก็ไม่ชินกับการเข้าสิง ๆ ลักษณะนี้เท่าไหร่ด้วย มันดูเป็นผีฝรั่งไปนิดนึง
สรุป
อาเป็นว่า สำหรับหนังเรื่องนี้ ถ้าให้เราบ่น หนังมันมีข้อที่ขัดใจเราให้เราบ่นได้แทบทุกซีนเลยแหละ แต่เราจะขอบ่นเบา ๆ แค่ประมาณนี้พอแล้ว มากกว่านี้เราก็กลัวจะเป็นการสปอยล์เป็นหนังที่ไม่ต้องไปดูก็ได้ แต่เอาจริง ๆ ก็ ถ้าใครเงินเหลือและพอมีเวลาว่าง ก็อยากให้ลองไปดูเหมือนกันนะ เพราะพวกเราต่างก็มีศาลพระภูมิกันแทบทุกบ้าน ทุกออฟฟิศที่ทำงาน หรือแทบทุกที่ทำการที่ไป การได้ดูผีศาลไทยจากการตีความตามความเข้าใจของฝรั่ง มันก็น่าสนใจอยู่
5/10