รีวิวหนังฝรั่ง 6 Underground

 จะเล่าถึงกลุ่มนักฆ่าไร้เงาซึ่งพวกเขาจะมีรหัสตัวเลขเรียกแทนชื่อจริงเพื่อปกปิดตัวตนแต่ละคนก็จะมีทักษะความสามารถแตกต่างกันและเกื้อหนุนทีมอันได้แก่ อดีตทหารผู้เชี่ยวชาญการซุ่มยิง , สายลับ CIA , แพทย์สนาม , นักฆ่าสัญชาติแม็กซิกัน , จอมโจรฝีเท้าไว และ มหาเศรษฐีผู้เป็นแหล่งเงินทุนของทีม พวกเขาจะมีหน้าที่ทำภารกิจปราบคนชั่วให้หมดจากโลกให้สิ้นซาก  ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่มีโฆษณา

หนังเน็ตฟลิกซ์เรื่องนี้เป็นที่จับตามองตั้งแต่ชื่อทีมสร้างถูกประกาศ

รีวิวหนังฝรั่ง 6 Underground

โดยไม่ต้องสนใจพลอตมากมายนัก ไล่ไปตั้งแต่นักแสดงนำใหญ่หนึ่งเดียวของหนังอย่าง มิสเตอร์เดดพูล ไรอัน เรย์โนลด์ ที่มาร่วมงานกับผู้กำกับมากผลงานอลังการผลาญทรัพยากรบู๊อย่าง ไมเคิล เบย์ ในโพรเจกต์ที่เน็ตฟลิกซ์ควักกระเป๋าให้ทุนสูงถึง 150 ล้านเหรียญ ดูหนังฟรี เพื่อเนรมิตหนังบล็อกบัสเตอร์แบบที่การันตีอันดับต้น ๆ ดูหนังออนไลน์ ในตารางบ็อกซ์ออฟฟิศได้สบาย (ถ้าฉายโรง) แล้วเอามาให้ลงบริการสตรีมมิ่ง เพื่อแสดงศักยภาพว่าเน็ตฟลิกซ์เป็นมากกว่าบริการดูหนังออนไลน์ แต่มันคือค่ายหนังใหญ่ที่มีพลังพอ ๆ กับค่ายหนังโรงยักษ์ใหญ่ทั้งหลายด้วย

นั้นหลายๆคนน่าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับ ผกก ท่านนี้ดีครับแน่นอนไม่ว่าจะเป็นหนังตระกูล Transformers ทั้งหลายที่คุ้นตาคนรุ่นใหม่กัน เป็นที่เข้าใจกันเลยว่าถ้า ผกก คนนี้กำกับนั้นจะบู๊แหลก ระเบิดเต็มเมืองครับ แต่ก่อนหน้านั้นจริงๆเค้าก็ทำหนังดีๆ คุณภาพมาอยู่เหมือนกันนะ ทั้งเรื่อง Pearl Harbor และ Armageddon แต่หลังๆกลับมาสายบันเทิง แอดชั่นจัดเต็มมากๆ อาจจะเริ่มเบื่อแนวเก่าๆแล้วก็เป็นได้ เลยกลายมาเป็นในยุคสมัยนี้นั้น ถ้า Michael Bay กำกับแน่นอนว่าระเบิดมาเต็มแน่ๆครับ และในเรื่องนี้ได้ร่วมงานกับ NETFLIX ทำหนัง 6 Underground และแน่นอนว่ามันกลายเป็นหนังที่มีลายเซ็น ผกก คนนี้แบบจัดเต็ม เหมือนให้อิสระ ผกก มากๆ มันคือหนังที่เราคุ้นเคยกันดี ทั้งมุมกล้อง แสง การเล่าเรื่อง และ ระเบิด แบบจัดเต็มมากกที่สุดเท่าที่ดูกันมา คือใส่ไม่ยั้งเอาใจ ผกก จริงๆครับ แต่บางทีมันก็อินดี้เยอะไปนิดครับ จนดูแล้วอาจจะเบื่อหรือเยอะเกินไป แต่ถ้าในแง่หนัง บันเทิงมันโคตรบันเทิง และ บ้าบอที่สุดเลยแหละสำหรับเรื่องนี้ แน่นอนว่า คะแนนที่ออกมา ไม่ค่อยดีเท่าไร แต่จะเป็นยังไงพอดูได้หรือ บันเทิงขนาดไหนมาอ่านรีวิวในมุมมองของผมกันนิดนึง

ภาพยนตร์ที่นำเอาเศรษฐีทั้ง 6 คนมาเป็นฮีโร่ รีวิวหนังฝรั่ง 6 Underground

รีวิวหนังฝรั่ง 6 Underground

หลังจาก Marvel ประสบความสำเร็จอย่างงดงามกับการนำเสนอเรื่องราวของมหาเศรษฐีอย่างโทนี่ สตาร์คที่ลุกขึ้นมาประดิษฐ์หุ่นยนต์และกลายเป็นฮีโร่อย่างไอรอนแมน ฮีโร่ที่ได้รับความนิยมและมีผู้คนชื่นชอบแทบจะมากที่สุดในจักรวาล Marvel ในครั้งนี้ได้มีการนำเอามหาเศรษฐีทั้ง 6 คนมารวมตัวกันและเป็นฮีโร่ใต้ดินที่แทบจะไม่ต่างอะไรกับไอรอนแมนไม่ได้สวมชุดเกราะเท่านั้น นั่นก็คือภาพยนตร์เรื่อง 6 Underground

ภาพยนตร์ที่ออกฉายบน netflix หลังจากที่เปิดตัวออกมามันก็ถูกแซวทันทีว่าเป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงเรื่องราวของไอรอนแมน 6 คนที่มีความฮาเหมือนกับภาพยนตร์เรื่อง Deadpool และด้วยความที่ผู้กำกับคือไมเคิล เบย์ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เต็มไปด้วยฉากระเบิดภูเขาเผากระท่อม ถึงในยุคหลังรูปแบบการกำกับภาพยนตร์ของไมเคิลจะไม่ค่อยถูกโฉลกกับผู้รับชมในปัจจุบันนัก ชื่อเสียงของเขาก็ยังคงใช้หากินได้ netflix จึงยังคงมอบเงินลงทุนในการทำภาพยนตร์เรื่องนี้ให้กับเขาถึง 150 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

พรรคพวกทั้ง 5 คนนั้นต้องสร้างสถานการณ์ให้ตนเองเข้าใจว่าเสียชีวิตแล้วเช่นเดียวกัน แต่ด้วยอุดมการณ์ที่แรงกล้าในการผดุงความยุติธรรมในที่สุดพวกเขาทั้ง 6 คนก็ได้ตายไปจากโลกใบนี้ในนาม แต่ได้แฝงตัวไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อทำภารกิจในฐานะของฮีโร่ใต้ดิน พวกเขาไม่มีชื่ออีกต่อไปแต่ใช้วิธีการเรียกแต่ละคนด้วยหมายเลขประกอบไปด้วย 1 เป็นมหาเศรษฐี 2 เป็นสายลับ 3 เป็นมือปืน 4 เป็นหัวขโมยที่มีความสามารถในการฟรีรันนิ่ง 5 เป็นคุณหมอ 6 เป็นนักขับรถ และ 7 เป็นคนแม่นปืน แม้ว่าจะมี 7 หมายเลขแต่ความจริงแล้วพวกเขาเหลือกันเพียงแค่ 6 คนเท่านั้นเพราะในระหว่างการทำภารกิจพวกเขาต้องเสียหนึ่งในสมาชิกไป

ในครั้งนี้พวกเขาได้เดินทางมายังหมู่บ้านที่ห่างไกลแห่งหนึ่งเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านจากการถูกผู้มีอำนาจเข้าคุกคาม แต่แล้วภารกิจของพวกเขาก็เลยเถิดไปมากกว่าการช่วยเหลือชาวบ้านแต่กลับเป็นการปลดปล่อยประเทศแห่งหนึ่งจากการปกครองอย่างไม่เป็นธรรมภายใต้นายพลเผด็จการที่มีความชาญฉลาด เต็มไปด้วยไหวพริบ มีชั้นเชิง โหดเหี้ยม และไม่ไว้ใจใครง่ายๆ พร้อมกับอุดมการณ์ที่ทำให้เขานั้นกลายเป็นคนชั่วแบบเต็มพิกัด

เกริ่นก่อนเลยว่าผมดูหนังไมเคิลเบย์มาตลอดตั้งแต่ยุคแรกของเขา

รีวิวหนังฝรั่ง 6 Underground

แบดบอย The Rock Pearl Harbor Armageddon จนมาถึงผลงานที่มาไกลที่สึดของเขาที่ทุกคนรู้จักกันดีคือ Transformers ภาคแรก ก่อนที่จะหากินกับภาคต่อมาอีกหลายภาค จนมาหยุดที่ Transformers: The Last Knight ที่คงรู้ตัวแล้วว่าเข็นออกมาสูบเงินแฟนๆ หรือคนดูทั่วไปต่อคงไม่ไหว เพราะนอกจากรายได้ที่ต่ำเตี้ยลง คะแนนวิจารณ์ก็ย่ำแย่ แฟนๆ ก็สาบส่ง ซึ่งไม่ใช่แค่ตัวหนัง แต่รวมไปถึงเครดิตลายเซ็นต์การทำหนังระเบิดภูเขาเผาเมืองที่ตกต่ำลง หนังยุคหลังของเขาเหมือนสิ้นคิดกับบทภาพยนตร์มากๆ ซึ่งไม่ใช่แค่ผมคิดคนเดียวแน่ เพราะทั้งคำวิจารณ์กับรายได้หนังของเขามันตกลงๆ แบบเห็นได้ชัดเจนว่ายุคนี้ชื่อนี้ขายยากแล้ว ไม่ใช่แบบยุคก่อนที่ปะหน้าแบบไหน ไม่ว่าแค่ผู้อำนวยการสร้างคนก็พร้อมแห่ไปดู แล้วทีนี้การมาของไมเคิลเบย์ใน Netflix ล่ะจะเป็นไง? บอกตรงๆ ว่าตอนแรกก็ไม่ได้หวังอะไร เพราะ Netflix คือนายทุนใหญ่ใจป๋าแจกเงินให้คนทำหนังแย่ๆ มามากมาย

เรียกว่าเป็นพล็อตเรื่องที่ดูเหมือนเป็นกลุ่มซูเปอร์ฮีโร่เสียด้วยซ้ำน่าจะมีแนวทางการเล่าเรื่องแบบง่าย ๆ แต่ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีสไตล์การเล่าเรื่องที่แตกต่างจากหนังแอ็คชั่นเรื่องอื่นครับโดยจะเล่าย้อนอดีตประวัติสมาชิกแต่ละคนให้คนดูรู้จักปูมประวัติและเดินเรื่องปัจจุบันไปด้วยซึ่งฟังดูก็น่าสนใจแปลกใหม่ครับแต่พอออกมาจริง ๆ แล้วกลับกลายเป็นว่าดูแทบไม่รู้เรื่องแถมการลำดับสำคัญเนื้อหาทำได้แย่เลยทีเดียวนอกจากการเล่าเรื่องที่ไม่ดีแล้วเคมีมิติของตัวละครก็แย่ยิ่งกว่าเพราะแบนราบแม้ว่าในหนังเราจะได้เห็นอดีตหรือปมของตัวละครแต่ตัวหนังกลับละเลยปมประเด็นเหล่านั้นทำให้คนดูไม่รู้สึกร่วมไปกับตัวละครหลัก รวมถึงตัวร้ายและบรรดาลูกสมุนของเรื่องด้วยที่จืดจางไม่น่าจดจำมาเป็นกระสอบทรายให้พวกพระเอกถล่มเล่นอย่างเดียวไม่ได้รู้สึกถึงความยากลำบากของอุปสรรคและไม่มีบทพลิกผันให้ลุ้นหรือเอาใจช่วยเลย

จริง ๆ ก็เป็นคำถามตั้งแต่แรก ๆ ล่ะ ไมเคิล เบย์ รีวิวหนังฝรั่ง 6 Underground

อาจเป็นผู้กำกับที่ฉกาจในการตีหนังเป็นภาพมีสไตล์ รังสรรค์ฉากบู๊ที่สวยติดตา และสดใหม่จนติดใจคอบู๊มานักต่อนัก แต่จุดพร่องของเขาก็คือการวางเนื้อเรื่องหลวมโพรก บางครั้งก็ไม่สนตรรกะอะไรอีกเลย จนคนดูมักได้ล้อได้แซวอยู่เสมอ แต่งานนี้เขาได้ยาขจัดความกาวของหนังตัวเองได้ดี นั่นคือกาวชั้นดีมียี่ห้อเกรดสูงอย่าง เรตต์ รีส และ พอล เวอร์นิก มือเขียนบทสุดฮาบันเทิงจากหนัง Deadpool และ Zombieland ทั้ง 2 ภาค ที่ติดสอยห้อยตามไรอัน เรย์โนลด์ มาเขียนโครงสร้างหนังได้อย่างมีระเบียบ มีชั้นเชิงการเล่าที่น่าสนใจ ด้วยการเปิดกลุ่มตัวละครแบบไม่ลำดับเวลา ตัดสลับภารกิจปัจจุบันที่อิตาลีในการชิงดวงตาของทนายความจอมฉ้อฉลของจอมเผด็จการเพื่อเอามาสแกนเปิดโทรศัพท์ที่เชื่อมกับฐานข้อมูลความลับทั้งหลาย กับอดีตและที่มาที่ไปรวมถึงความเชี่ยวชาญของสมาชิกกลุ่มแต่ละคน ที่แทนตัวด้วยหมายเลข ทำให้เราเห็นโครงร่างว่านี่ไม่ใช่หนังทีมรวมยอดคนธรรมดา แต่มันมีความน่าสนใจในตัวเองแต่ละคนมากกว่านั้น

ในตัวเนื้อเรื่องนั้นจะเป็นเกี่ยวกับ ทีมปฎิบัติการ ลับที่ไม่มีตัวตนอยู่บนโลก

และทำภารกิจบางอย่างซึ่งรวมทีมกันไปทำภารกิจ แน่นอนว่าเนื้อเรื่องขอไม่เล่าเยอะเพราะมันไม่มีอะไรเท่าไรเป็นหนังที่ ดูแล้วยังมึนๆอึนๆเนื้อเรื่องบทมันมากพอสมควร เนื้อเรื่องมันเลยบางเบาทั่วไปมากๆ และมีหลายๆอย่างไม่สมเหตุผลเต็มไปหมดทั้งเรื่องรวมถึงการเล่าเรื่องที่เน้นไปในจุดที่ไม่จำเป็นอะไรเลยแต่ก็เล่นเล่ายาวซะเกือบ 1 ใน 4 ของหนัง เช่นการไล่ล่าขับรถในช่วงแรกที่ไม่ได้ช่วยอะไรตัวหนังเลยยกเว้นจะมาโชว์รถ ฉากแอคชั่น มุมกล้องแปลกๆ และ Super Slowmotion เต็มไปหมด การตัดต่อแบบมึนๆเร็วๆจนบางทีไม่ได้อินกับฉากนั้นเท่าที่ควร เยอะแยะไปหมดเลยอะไรแบบนี้ทั้งเรื่องจนบางที มันเยอะเกินไปอีกทั้งระเบิดเต็มไปหมดจริงๆแต่ก็ สะใจดีแต่มุมกล้องแอบมึนไปเยอะมาก อีกทั้งเรื่องของบทอะไรก็บางเบาจริงๆไมได้เล่าเรื่องอะไรดีเท่าไรตัดไปมาๆ เน้นแอคชั่น เลือดสาด ดิบๆไปเยอะมากๆ จนถ้าเรามาตัดพวกนั้นออกไป หนังอาจจะแค่ 30 นาทีเท่านั้นที่เป็นเนื้อหาเน้นๆ จริงๆแอบเสียดายนะมันน่าจะเล่าได้ดีกว่านี้ แต่ใช้เวลาไปกับฉากหลายๆฉากเยอะไปหน่อย และ การเก็บงานบางจุดไม่เนียนเลย เช่นตัวรถ ที่กระจกหูช้าง เดี๋ยวมี เดี๋ยวไม่มี ทั้งที่โดนชนไปแล้วเป็นต้นอะไรแบบนี้ เต็มไปหมด อีกทั้งการใส่อะไรที่แปลกๆเข้ามาเรื่อยๆ เป็นหนังที่ดูแบบไม่คิดอะไรเลยจริงๆครับสำหรับเรื่องนี้

ถึงจะมีข้อตำหนิที่เยอะแต่ถ้าว่ากันด้วยข้อดีจุดเด่นของ 6 Underground ก็คงจะเป็นฉากแอ็คชั่นนี่แหละครับที่ ไมเคิล เบย์ ทำออกมาได้ไม่ผิดหวังมีฉากเท่ ๆ มากมาย สโลว์โมชั่นสวย ๆ หรือความโหดของการฆ่าก็เรียกได้ว่าเลือดสาดกระจายและออกแบบฉากสู้ได้สร้างสรรค์ ที่ขาดไม่ได้ก็คือระเบิดตูมตามสุดอลังการที่เป็นซิกเนเจอร์ของผู้กำกับคนนี้ไปเสียแล้วก็จัดเต็มไม่แพ้กันเมาระเบิดกันไปข้างนึง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *