รีวิวหนังฝรั่ง OXYGEN

รีวิวหนังฝรั่ง OXYGEN เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญแนววิทยาศาสตร์ สัญชาติฝรั่งเศส ที่เล่นประเด็นเรื่องการเอาตัวรอดภายใต้สถานการณ์อันโดดเดี่ยว ในสถานที่จำกัดก่อนที่ก๊าซออกซิเจนจะหมด นับเป็นหนังที่มีความโดดเด่นในการเล่าเรื่องชวนสงสัย ลุ้นระทึก รีวิวหนังฝรั่ง

แน่นอนว่าหลายคนคงคุ้นเคยกับหนังไซไฟที่ใช้ข้อจำกัดด้านพื้นที่ เวลา ความเสี่ยงอันตราย หรือทรัพยากรที่กำลังใกล้จะหมดมาเป็น Conflict ของเนื้อหากันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะยิ่งถ้าตัวละครถูกโดดเดี่ยวอยู่ในพื้นที่ที่ถูกจำกัดนี่เรียกได้ว่าเยอะมาก ๆ เลยครับ  ดูหนัง 

ถ้าว่ากันตั้งแต่ระดับตำนานรุ่นปู่ก็ ‘2001: A Space Odyssey’ (1968) หรือเอาใหม่ ๆ หน่อยก็ ‘Moon’ (2009) และ ‘Gravity’ (2013) ที่ว่าด้วยคนที่ต้องพยายามเอาตัวรอดในสถานการณ์โดดเดี่ยวเพื่อเอาชีวิตรอดจากข้อจำกัด และพิษภัยของความอันตรายที่คาดเดาไม่ได้จากภายนอก รวมถึงเทคโนโลยีที่มีความฉลาดซะจนไม่อาจไว้วางใจได้ว่ามันจะช่วยเรา หรือจะมุ่งร้ายทำลายเรากันแน่ ดูหนังออนไลน์ 

เธอให้มิโลสืบค้นข้อมูลของเธอเอง ค้นหาจากระบบ Social Media และระบบอินเตอร์เน็ตทั้งหมด จนค่อย ๆ รู้ว่าตัวเธอคือใคร แล้วเธอก็สามารถต่อสายโทรศัพท์ไปหาคนรู้จักและตำรวจให้ช่วยเหลือเธอ แต่ก็มีหลายอย่างไม่ชอบมาพากล

ลิซจะออกจากแคปซูลนี้ไปได้อย่างไร ตำรวจและคนอื่นจะติดต่อกับเธอได้หรือไม่ สามารถตามรับชมได้เองทาง Netflix Original เลยครัับ ดูหนังฟรี 

Oxygen เป็นหนึ่งในหนังที่ไม่สามารถเล่าเรื่องอะไรต่อไปจากนี้ได้แล้ว และเป็นหนึ่งในหนังที่ไม่ควรสปอยอะไรไปมากกว่านี้โดยเด็ดขาด เพราะผู้กำกับเขาตั้งใจให้เรารู้เรื่องทุกอย่างไปพร้อมกับตัวละครลิซ เขาต้องการให้เราลุ้นระทึกไปพร้อม ๆ กับวิธีการเอาตัวรอดของเธอในแคปซูลอัจฉริยะ ที่มีข้อจำกัดอย่างมากมาย โดยเฉพาะข้อจำกัดเรื่องก๊าซออกซิเจน เว็บดูหนัง 

เราสามารถรู้จักตัวละครลิซไปพร้อม ๆ กับตัวลิซนั่นแหละ ดังนั้นการสืบหาตัวตนของเธอจึงทำให้เราลุ้นตามไปด้วย เรารู้จักตัวตนเธอไปมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีคำถามมากขึ้นเท่านั้น หลักใหญ่ใจความที่สำคัญที่สุดก็คือ ลิซคือใคร ทำไมไม่อยู่ในแคปซูลแห่งนี้ เว็บดูหนังฟรี 

ลิซ สามารถพยายามสืบค้นตัวตนของตัวเองไปพร้อมกับการแก้ปัญหาได้อย่างสมเหตุสมผล และดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเกินจริง เพราะหนังทำให้เราเห็นภูมิหลังของลิซว่ามีความสามารถพิเศษด้านไหน เราจึงสามารถผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ที่เธอต้อเผชิญได้ไปอย่างไม่ติดขัดอะไร

รีวิวหนังฝรั่ง OXYGEN

สำหรับภาพยนตร์ original บน Netflix เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกันครับ เป็นเรื่องราวที่เล่าผ่านตัวละครหลักยืนหนึ่งแบบโดดเดี่ยวในแคปซูลที่นำแสดงโดย ‘เมลานี โลรองต์’ (Mélanie Laurent) ผู้เคยสำแดงฤทธิ์พระเพลิงเผาโรงหนังใน ‘Inglourious Basterds’ (2009) นั่นแหละครับ

คราวนี้เธอต้องมารับบท “หญิงสาว” คนหนึ่งที่ติดอยู่ใน “แคปซูลอะไรบางอย่าง” ด้วย “เหตุผลอะไรบางอย่าง” โดยที่เธอมีพันธนาการต่าง ๆ มากมาย พร้อมกับอุปสรรคบางอย่าง นอกจากการติดอยู่ในแคปซูลอะไรก็ไม่รู้ เธอเองก็ยังจำไม่ได้ด้วยว่าตัวเธอเองเป็นใคร

มาอยู่ในนั้นได้อย่างไร ข้างนอกแคปซูลมีใครหรือมีอะไรรออยู่ เธอยังต้องเผชิญกับอุปสรรคใหญ่นั่นก็คือ ปริมาณออกซิเจนในแคปซูลที่กำลังจะหมดลงเรื่อย ๆ แต่โชคยังดีที่ในแคปซูลนั้นยังมี ‘มิโล’ (Milo) ระบบ AI ในแคปซูลที่ยังพอจะช่วยให้เธอในการค้นหาข้อมูลว่าเธอเป็นใคร มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วจะออกไปจากแคปซูลนี้ได้ยังไง รวมถึงยังโทรศัพท์ติดต่อคนภายนอกได้ด้วย

เธอตื่นมาในแคปซูลโดยไร้ความทรงจำ มีชีวิตอีกแค่ 90 นาทีจากอ็อกซิเจนที่เหลืออยู่ภายใน เธอต้องจำให้ได้ว่าตัวเองเป็นใครเพื่อเอาตัวให้รอด ภาพยนตร์ฝรั่งเศสจากผู้กำกับเลือดสาดอย่าง อเล็กซานเดอ อาจา (ดูโปรเจ็กต์เล็กๆ เหมือนหนังเน็ตฟลิกซ์ แต่ที่จริงคือตั้งใจเป็นหนังโรงมาก่อนเกิดปัญหาโควิดและมาอยู่ในมือเน็ตฟลิกซ์เต็มตัวภายหลัง)

รีวิวหนังฝรั่ง OXYGEN

หนังจำกัดพื้นที่ติดอยู่ในแคปซูลต้องหาทางออกให้ได้ก่อนอากาศจะหมดลง ฟังดูพล็อตคล้ายๆ หนังเก่าในอดีตเรื่อง Buried (2010) ที่ติดอยู่ในโลงถูกฝังทั้งเป็น แต่สำหรับเรื่องนี้ไปไกลกว่านั้นมากด้วยการเป็นหนังไซไฟเต็มขั้น จากฝีมือของ Christie LeBlanc ผู้เขียนบทหน้าใหม่เป็นหนังเรื่องแรกของเธอ

และส่งต่อให้ผู้กำกับแนวสยองขวัญทุนต่ำชื่อดัง อเล็กซานเดอ อาจา ที่มีผลงานอย่าง The Hills Have Eyes (ชื่อไทยโชคดีที่ตายก่อน), Piranha 3D, Crawl คลานขย้ำ หนังจระเข้กินคนที่ติดอยู่ในเมืองที่พายุโหมกระหน่ำจนน้ำท่วม และเรื่องนี้ก็เป็นผลงานกำกับเรื่องต่อมา

ซึ่งไอเดียของอ็อกซิเจนที่เล่นกับพื้นที่จำกัดก็เหมาะเจาะกับสไตล์งานของผู้กำกับคนนี้เป็นอย่างดี แต่ก็ทำให้ความคาดหวังจากแฟนหนังสยองขวัญผิดหวังไปด้วย เมื่อหนังเรื่องนี้คือแนวไซไฟจริงจังมากกว่าแนวระทึกขวัญจากหน้าหนังหรือพล็อตที่ถูกวางเอาไว้เป็นอย่างมาก

ตัวหนังเล่าเรื่องของนางเอก (นำแสดงโดยเมลานี โลรองต์) ที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับจำอะไรไม่ได้เลย แม้แต่ชื่อของตัวเอง โดยมีตัวละครอีกตัวที่มาแต่เสียงเป็น AI. ของแคปซูลชื่อ มิโล ให้เสียงโดย Mathieu Amalric ดาราดังที่เคยแสดงเป็นตัวร้ายของเจมส์บอนด์ภาค Quantum of Solace

ซึ่งนางเอกใช้มิโลเป็นตัวช่วยค้นหาทุกอย่างในระบบที่อาจจะช่วยให้เธอออกจากแคปซูลนี้ได้ ซึ่งใช้มิโลเป็นตัวช่วยกับตัวเชื่อมนางเอกไปยังโลกข้างนอก ผ่านการสื่อสารทางเสียงโทรหาบุคคลอื่นที่คิดว่าจะช่วยเธอได้อย่าง ตำรวจ คนรัก การเข้าดูโซเชียลมีเดียของตัวเธอเอง

หรือแม้แต่การขอให้มิโลช่วยประเมินกับแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระบบของแคปซูล ซึ่งมิโลเองก็มีทั้งส่วนที่ทำได้กับข้อจำกัดที่ไม่อาจทำได้ อย่างการเปิดแคปซูลตามที่นางเอกขอ ซึ่งบทถูกคิดมาเป็นอย่างดีเป็นเหตุเป็นผลว่าทำไม มิโลถึงทำสิ่งนี้ได้ และทำไมถึงทำไม่ได้ ในตอนแรกอาจจะดูไม่สมเหตุผลแปลกๆ อยู่บ้าง ต้องรอเรื่องเฉลยในภายหลังทุกอย่างจะเคลียร์และเข้าใจได้หมด

การเล่าเรื่องให้ตัวละครตัวหนึ่งติดอยู่ในพื้นที่จำกัดและต้องการเอาชีวิตรอด โดยให้ตัวละครค่อย ๆ หาทางออกและแก้ปมต่าง ๆ ไปทีละประเด็นนั้น เราอาจจะคุ้นชินมาแล้วจากหนังหลายเรื่อง อยากรู้เรื่องที่ชัดเจนที่สุดคือ

Buried (2010) ติดในโลงศพ ว่าด้วยเรื่องราวของชายผู้ขับรถบรรทุกส่งของในอิรัก ถูกจับตัวไว้ในโลงศพ ฝังไว้ในใต้ดิน เขาต้องพยายามติดต่อสื่อสารกับผู้คนและเจ้าหน้าที่ผ่านโทรศัพท์มือถือที่แบตเตอรี่เหลือเพียงน้อย เพื่อมาช่วยเหลือเขาให้ได้ ในระหว่างรอการช่วยเหลือ เข้าต้องแก้ไขอุปสรรคที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าที่มีเข้ามาไม่ขาดสาย ซึ่งตลอดเรื่องนั้นเราก็เอาใจช่วยมาก ๆ

ซึ่งก็บอกตามตรงว่าในเรื่อง Oxygen ก็มาพร้อมกับบรรยากาศอะไรไม่ต่างกับ Buried เลยสักนิด เราจะได้เห็นตัวละครในแรกเริ่มนั้นมีความอารมณ์ร้อน อยากออกไปจากที่ที่อยู่ แสดงความรุนแรง จนไปสู้ความสงบ มีสติ และคิดหาหนทางออก

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อหนังผ่านไปแล้ว 30 นาที Oxygen ก็มีแนวทางเป็นของตัวเอง และสามารถนำไปสู่จุดเฉลยได้ ในแบบที่เราไม่ได้คาดคิดมาก่อน แต่ก็เอาเถอะ แม้หนังจะมีบทที่ค่อนข้างล้ำ แต่มันก็ไม่ได้ลึกลับซับซ้อนอะไรขนาดนั้น เชื่อว่าหลายคนคงเดาทางได้ไม่ยากนัก

หนังพยายามแสดงถึงความระทึกแบบพอดีพองาม ไม่มากไม่น้อยเกินไป ยกตัวอย่างเช่นลิซ ติดอยู่ในแคปซูลทางการแพทย์ ที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์อัจฉริยะ มีระบบปีองกันตนเอง ติดต่อสื่อสารได้ และสามารถตัดสินใจบางอย่างเองได้ รายการตัดสินใจอะไรบางอย่างของคอมพิวเตอร์กูอยากทำให้ลิซถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้นลิซก็ต้องหาทางควบคุมคอมพิวเตอร์นี้ให้ได้ เพื่อไม่ให้มันจัดการกับเธอไปซะก่อน

รีวิวหนังฝรั่ง OXYGEN

ในด้านการแสดงนั้น เมลานี โลรองต์ ที่รับบทเป็นลิซ เธอถือว่ารับผิดชอบต่อบทได้ดีมาก เรียกได้ว่าเธอสามารถแบกหนังเอาไว้ทั้งเรื่องได้ดี แม้จะมีบ้างฉากที่ตัดไปให้เห็นภาพคนอื่นแสดงบ้าง แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ต้องยอมให้เธอเพียงคนเดียว

จริง ๆ แล้วเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้ที่ชัดเจนมาก ๆ เลยก็คือว่า เราจะไม่รู้อะไรเลยไปพร้อม ๆ กับหญิงสาวคนนี้ครับ คือจริง ๆ ผู้เขียนจะบอกชื่อ หรือบอกข้อมูลบางอย่างก็ได้แหละครับ แต่ผู้เขียนมองว่า ด้วยบทภาพยนตร์ที่ออกแบบเรื่องราวให้เรารู้ไปพร้อม ๆ กันกับหญิงสาวคนนี้

โดยที่เธอเองก็ต้องค่อย ๆ เรียนรู้ที่มาที่ไปทีละเปลาะ ๆ และแถมยังต้องระลึกชาติให้ได้ด้วยว่าเธอเองเป็นใคร มีแบ็กกราวนด์ยังไง เพื่อที่จะได้ค้นหาว่าทำไมเธอต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ รวมถึงสถานะที่เธอเป็น และสภาวะบางอย่างที่เธอกำลังเผชิญอยู่ ก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างภายในเรื่องล้วนแล้วแต่เป็นเนื้อหาที่ไม่ควรสปอยล์ และจะยิ่งดีมากถ้ากดดูเลยโดยไม่ดูตัวอย่างภาพยนตร์ก่อนครับ

อีกส่วนที่นำเรื่องราวออกไปนอกแคปซูลได้คือ ภาพความทรงจำปริศนาที่แวบเข้ามาเรื่อยๆ ตั้งแต่นางเอกตื่นขึ้นมาทันที เป็นส่วนปมปริศนาหลักที่พาให้ผู้ชมได้เห็นเรื่องราวนอกแคปซูล เป็นระยะๆ ซึ่งก็เป็นทางออกที่ฉลาดของเรื่องทำให้เรื่องดูไม่น่าเบื่อติดอยู่ในที่เดิมๆ แต่การมาของภาพในอดีตในเรื่องนี้ไม่ได้ถูกเล่าเพื่อเคลียร์ปมโดยตรง

กลับเป็นการหลอกล่อคนดูไปพร้อมกับลวงนางเอกไปด้วยกัน เมื่อการตื่นขึ้นมาของเธอพร้อมอ็อกซิเจนที่เหลือน้อยในที่จำกัดถูกทำให้คิดในอีกมุมได้ว่า เธออาจจะสับสน สมองเธออาจจะสร้างภาพเหล่านี้ขึ้นมาเองด้วยก็ได้ ยิ่งการที่ต้องทำร้ายตัวเองเจ็บๆ

เพื่อให้ความทรงจำกลับมาด้วยยิ่งแปลกประหลาด และความทรงจำของนางเอกก็มักจะวนๆ อยู่กับ ลีโอ ที่เธอเข้าใจว่าเป็นคนรัก กับการเห็นหนูทดลองกลายพันธ์น่าเกลียด ที่หนูพวกนี้กลายมาเป็นภาพหลอนเหมือนจริงสุดๆ อยู่ในแคปซูลนี้หลายครั้งด้วย

แต่ถ้าหากจะเอาเปรียบเทียบกับไรอัน เรย์โนลส์ ใน Buried ติดในโลงศพ ที่เขาต้องแสดงเดี่ยวนั้น ในความรู้สึกส่วนตัวของ ผมว่า เมลานี โลรอง ยังสู้ เรย์โนลส์ไม่ได้ครับ เพราะใน Buried เรย์โนลส์ คือนักแสดงเดียวในเรื่องแบบ 99% เลย แทบไม่มีตัวละครตัวไหนมาช่วยหารเลย

ส่วนเนื้อเรื่องโดยรวมทั้งหมดถือว่าดี การเล่าเรื่องที่ค่อย ๆเป็นค่อย ๆ ไป มีการแก้ปัญหาไปทีละจุด เมื่อแก้ปมหนึ่งก็จะไปเจออีกปมหนึ่งไปเรื่อย ๆ มีจุดเฉลยที่ทำให้เราประหลาดใจอยู่ไม่น้อย นับว่าเป็นหนังแนววิทยาศาสตร์ที่ดูแล้วไม่น่าเบื่อ และไม่ได้แสดงความเป็นวิทยาศาสตร์มากเกินไป ดูแล้วเข้าใจง่าย และแรงจูงใจที่เกิดขึ้นในหนังนั้นก็ค่อนข้างสมเหตุสมผลดี

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *