สวัสดีค่ะ วันนี้จะมา รีวิวหนังฝรั่ง เรื่อง Enola Holmes 2 เอโนลา โฮล์มส์ 2 (2022) หลังปล่อยให้รอคอยกันมายาวนาน 2 ปีกับอีก 1 เดือนเศษ สมาชิกแห่งองค์กรเน็ตฟลิกซ์ก็ได้พบกับเรื่องราวนักสืบหน้าใสนามสกุลคุ้นหูกันเป็นคำรบที่สอง หนังที่มีให้ชมกันทั่วโลกในแบบสตรีมมิ่งอย่าง ‘Enola Holmes 2’ ออนไลน์ให้ชมกันแล้ว 

กลับมาแล้วกับน้องสาวยอดนักสืบจอมแก่นหัวขบถของโฮล์มส์ Enola Holmes 2 ที่ในซีซั่นแรกนั้นถ่ายออกมาได้แบบงงๆ ป่วนๆ สนุกๆ และเนื้อหาชวนงงๆเบลอๆ แบบดำเนินเรื่องแบบการบรรยายสลับกับการเล่าเรื่องและหันหน้ามาพูดกับคนดูไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนถึงตอนจบแล้วคนดูถึงกับอุทานออกมาว่าจบแล้วเหรอ กลับมาอีกครั้งในภาคนี้ ซึ่งรับบทนำแสดงโดยน้อง Millie Bobby Brown ที่รับบทเป็นน้องอีเลเว่นใน The Strange Things นะคะ

Enola Holmes 2

เนื้อเรื่อง Enola Holmes 2

ครั้งนี้เอโนลา โฮล์มส์ (Millie Bobby Brown/มิลลี บ็อบบี บราวน์ จากซีรีส์เรื่อง Stranger Things และหนังเรื่อง Enola Holmes) ตั้งสำนักงานนักสืบของตนเองขึ้นมาโดยมุ่งเน้นคดีตามหาคนหาย แต่ทว่า ด้วยอายุยังน้อย และคงเพราะเป็นผู้หญิงด้วยมั้ง เลยไม่มีใครคิดจะมาจ้างเธอสืบคดีให้เลยแม้สักราย

จนในวันที่เธอกำลังจะปิดสำนักงานนั้น ลูกค้ารายแรกของเธอก็เข้ามาในร้าน ลูกค้าของเธอเป็นเด็กสาวที่ชื่อ เบสซี่ (Serrana SuLing Bliss จากหนังเรื่อง Belfast) ผู้ขอให้เธอสืบหาพี่สาวชื่อซาราห์ แชปแมนที่หายตัวไป 

Enola Holmes 2

งานนี้ ไม่ได้หมูอย่างที่คิด ยิ่งเอโนลาสืบลึกเข้าไปเท่าไหร่ก็ยิ่งจะอันตรายกับตัวเธอเท่านั้น ขณะที่พี่ชายอย่าง เชอร์ล็อค (Henry Cavill/เฮนรี แควิลล์ จากซีรีส์เรื่องThe Witcher

นักล่าจอมอสูร และหนังเรื่อง Man of Steel บุรุษเหล็กซุปเปอร์แมน) ก็ดูเหมือนจะมีคดีให้สืบจนไม่ว่าง และล่าสุด ก็กำลังสืบคดียากๆ อีกหนึ่งคดีอยู่ แถมยังดูจะเชื่อมโยงกันกับคดีของเธอ พร้อมทั้งยังมีทิวส์เบอร์รี่ (Louis Partridge/หลุยส์ พาร์ทริดจ์ จากหนังเรื่อง ‘Paddington 2’) ชายหนุ่มหัวก้าวหน้าที่เข้ามาร่วมด้วย

 

ความรู้สึกหลังดู Enola Holmes 2

บอกตรงๆว่าสนุกดี เพราะว่าหนังภาคแรกฉายไปเมื่อปี 2020 ซึ่งมันก็ผ่านมาสองปีแล้ว กับหนังอาชญากรรมสอบสวนสืบสวนที่การดำเนินเนื้อเรื่องมีความอินดี้เป็นอย่างมาก ผู้เขียนเกือบจะลืมไปแล้วว่าตัวละครเอโนลา โฮล์มส์เป็นใคร หรือเป็นคนยังไง แต่พอดูไปเรื่อยๆก็ค่อยๆนึกออกว่าตัวตนของเธอเป็นคนยังไง

เธอต้องใช้ชีวิตที่ต้องหายใจภายใต้ขนบธรรมเนียมประเพณีในโลกที่ผู้ชายเป็นใหญ่และผู้หญิงแทบจะไร้บทบาท เอโนลาโฮล์มส์ ถือเป็นตัวแทนแนวคิดของผู้หญิงยุคใหม่เป็นอย่างมาก และแม้เวลาจะผ่านไปหลายร้อยปีผู้หญิงก็ยังรู้สึกแบบเดียวกัน คือความไม่เท่าเทียม ความถูกกดทับทางเพศ และความไม่ยุติธรรม

Enola Holmes 2

ตัวตนของเอโนลา โฮล์มส์ จึงเป็นตวแทนของแนวคิดสมัยใหม่ว่าผู้หญิงสามารถเป็นอะไรก็ตามที่ตัวเองอยากจะเป็นโดยไม่ต้องสนใจกฎเกณฑ์หรือสายตารวมไปถึงขนบธรรมเนียมของสังคมที่วางกรอบบทบาททางเพศให้กับผู้หญิง 

หนังยังรักษาลายเส้นของ enola holmes 2 ซับไทย ได้ดี ชอบการแสดงของน้อง Millie Bobby Brown ที่มีทั้งความคอเมดี้ บันเทิง และพาร์ทลึกลับ สืบหาความจริงก็ทำได้ดี เคมีระหว่างตัวละครในเรื่องก็ดีมากๆจ้า แฟชันและการ set ฉากไปที่ลอนดอนยุค 80s ก็ทำได้ดีงามมากๆ สนุกมากๆค่ะ สำหรับใครที่ดูจนจบแล้วอย่าเพิ่งรีบปิดหน้าจอนะคะเพราะ End Credit มีเซอร์ไพร์ส 

ความแตกระหว่างภาค 1 กับ 2

สิ่งที่ enola holmes 2 พากย์ไทย แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดนั่นก็คือ การขยายทุกสิ่งอย่างให้เติบโตขึ้นครับ หรือจะเรียกว่าเล่นใหญ่เล่นโตก็ได้แหละ เริ่มตั้งแต่การปรับโทนของพล็อตจากสไตล์วรรณกรรมเยาวชน ให้มีโทนของความเป็นนิยายแนวรหัสคดีสืบสวนสอบสวน แอ็กชัน และหนังฆาตกรรมที่เป็นผู้ใหญ่จริงจัง และโหดขึ้นกว่าเดิม

ซึ่งก็สอดคล้องเหมาะสมกับน้องเอโนลาที่เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ตอนต้นนะครับ คือเรียกว่าโยนน้องเข้าไปเจอความโหดร้ายของการเป็นผู้ใหญ่แบบเต็มตัวครั้งแรก แม้ว่าจะยังเป็นผู้ใหญ่ตอนต้นที่ยังแอบมีความเป็นยัยน้องกิงก่องแก้วที่แอบน่าตีอยู่นิด ๆ ก็เถอะ 

Enola Holmes 2

แล้วมันก็เป็นผลพวงให้เรื่องราวรอบข้างของเอโนลาใหญ่โตขึ้น แข็งแรงขึ้น งานสร้างต่าง ๆ ที่ใหญ่ขึ้นกว่าภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งมันก็เป็นผลจากการที่ภาคแรกได้อธิบายปูมหลังเกี่ยวกับบ้านโฮล์มส์ และบรรยากาศของอังกฤษยุคโบราณไปแบบเบ็ดเสร็จหมดแล้ว

ตัวหนังภาคนี้ก็เลยเน้นเดินเรื่องเร็วลุย ๆ แบบไม่ต้องคุยให้เสียเวลามากนัก ซึ่งผู้กำกับและทีมเขียนบทเองก็ถือว่าฉลาดที่จับจุดตรงนี้ได้ถูก และรู้ที่ทางในการวางกราฟเรื่องด้วยการขยายขนาดเรื่องราวออกไปไกล และเขย่าผสมรสชาติที่หลากหลายปนเปได้ออกมาบันเทิงได้อย่างตลอดรอดฝั่ง 

การดำเนินเรื่อง Enola Holmes 2

ทั้งการวางที่ทางเกี่ยวกับประเด็นและสารที่หนังเรื่องนี้ต้องการจะสื่อเอาไว้ได้ค่อนข้างชัดเจน ในภาคแรก เราจะได้เห็นเอโนลาถูกแม่สั่งสอนให้เอาตัวรอดด้วยตัวเองในทุก ๆ ด้าน แต่ในภาคนี้เรียกว่ากลับข้างเลย เพราะว่าตัวหนังเองก็กลับมาตบกลับสารจากภาคแรกว่า บางครั้งการพึ่งพาตัวเองมากเกินไปก็อาจทำให้ชีวิตยากและโดดเดี่ยว

การพึ่งพาอาศัยคนอื่นก็ไม่ได้ผิดบาปนักหรอก ซึ่งอาจจะทำให้ความเป็นฮีโรของเอโนลาในภาคแรกดูดรอป ๆ ไปบ้าง แต่มันก็ทำให้วางเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์รอบ ๆ ข้างของเอโนลาได้สนุกสนานและมีมิติที่หลากหลายมากขึ้น แถมยังสามารถชงเข้าพาร์ตโรแมนติกระหว่างน้องกับ ลอร์ดทิวส์เบอรี (Louis Partridge) สุดหล่อ ที่ในภาคนี้จะมีซัมติงกุ๊กกิ๊กให้ได้เหม็นความรักมากกว่าเดิมอีก 

Enola Holmes 2

จะมีเสียดายเล็ก ๆ ก็ตรงกิมมิกการหันมาพูดกับคนดู หรือ(การทลายกำแพงที่สี่ Breakink the Fourth wall)ของน้องเอโนลานี่แหละ ซึ่งจริง ๆ ในภาคแรกมันทำงานได้ดีมาก เพราะมันเป็นตัวแทนให้คนดูรู้สึกว่าน้องเติบโตมาตามลำพัง เสมือนให้คนดูกลายเป็นเพื่อนของเอโนลาผู้โดดเดี่ยว แต่พอมาภาคสองนี้ มันก็ยังคงเป็นสีสันที่สนุกใช้ได้

และมันก็ถูกเอาไปประยุกต์กับการเล่าเรื่องในองก์แรก ๆ ของหนังด้วย แต่ก็ต้องยอมรับว่ากิมมิกนี้มันก็ทำงานได้น้อยลงไปพอสมควร กลายไปเป็นเพียงกิมมิกที่ขาดไม่ได้ของหนังไปเท่านั้นเอง อีกจุดคือ ตัวร้ายที่เฉลยในตอนท้ายของหนัง

ที่แม้ว่าตัวหนังจะแฝงปูมหลังของตัวร้ายที่เกี่ยวพันกับความเท่าเทียม และพยายามอธิบายมูลเหตุจูงใจที่เป็นเหตุผล แต่ผู้เขียนเองก็รู้สึกว่ามิติของตัวละครลับตัวนี้ยังดูตื้นและมิติให้รู้สึกเชื่อได้น้อยไปหน่อย เข้าใจว่าทีมงานคงปูเอาไว้ให้ตัวละครนี้ไปมีบทบาทมากขึ้นในภาค 3 แหง ๆ เลย อีกอย่างที่เป็นจุดสังเกตก็คือ

งานโปรดักชันที่จะว่าไปก็เห็นแผลเยอะกว่าภาคแรกนะครับ แต่โดยรวมมันก็ยังเป็นหนังที่ดูสนุกและพอจะแกล้งหลับหูหลับตากับข้อสังเกตพวกนี้ไปได้นั่นแหละนะ 

แนะนำนักแสดง

ในส่วนของนักแสดงก็ถือว่าเป็นอีกจุดที่น่าพอใจครับ เพราะว่าตัวละครแต่ละตัวดูจะมีที่ทาง มีมิติ และมีจังหวะที่สมดุลมากขึ้น ซึ่ง มิลลี บ็อบบี บราวน์ ก็ยังเล่นบทนี้ได้น่ารักน่าเอ็นดู เก่งฉลาดโตขึ้นตามวัย ผู้เขียนดูแล้วก็รู้สึกว่าน้องก็เหมาะกับบทอะไรแบบนี้อยู่นะครับ

พวกบทสาวน้อยแปลกแยก สู้เอาตัวรอดด้วยตัวเอง อะไรทำนองนี้ ดูแล้วก็คิดถึงอีเลฟเวนใน ‘Stranger Things’ เหมือนกันนะ (555) และก็ดีใจที่ได้เห็น เฮนรี คาวิลล์ โชว์พลังซูเปอร์แมน เอ๊ย พลังนักสืบมาดเข้ม ที่คราวนี้ก็ได้มีบทบาทมากขึ้น ทำให้ได้เห็นมุมอ่อนโยน บู๊ และมุมหลุด ๆ ของ เชอร์ล็อก โฮล์มส์ มากกว่าเดิม และก็จะได้เห็นเคมีระหว่างพี่น้องที่ชัดเจนขึ้นและน่ารักขึ้นในภาคนี้ด้วย ไม่ได้โดนบดบังเหมือนภาคที่แล้ว 

และที่ถือว่าเป็นเสน่ห์ที่น่าสนใจของภาคนี้ก็คือ การผสานเรื่องแต่งลงไปเคล้ากับเรื่องจริงในประวัติศาสตร์ครับ ซึ่งคราวนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการประท้วงหยุดงานของสาวโรงงานไม้ขีดไฟ (The MatchgirlsStrike) ที่เกิดขึ้นจริงในอังกฤษช่วงปี 1888 เพราะว่ามีผู้หญิงในโรงงานตายลงเป็นจำนวนมากเพราะพิษของฟอสฟอรัสขาวที่เอามาทำเป็นไม้ขีดไฟ

ซึ่งนอกจากตัวหนังจะเอามาดัดแปลงเป็นรหัสคดีผ่านอะนาแกรมและคณิตศาสตร์ให้สองศรีพี่น้องได้ไขคดีกลโกงทุจริตอันซับซ้อน และสร้างพล็อตให้มีการผจญภัยได้อย่างสนุกแล้ว มันก็ยังสะท้อนเรื่องราว Conflict แบบสตรีนิยม

ที่ถือว่าเป็นอีกจุดเด่นหลักของหนังชุดนี้ไปด้วยในตัว ผ่านเรื่องราวชีวิตอันแสนยากเข็ญของเหล่าคนงานสาวที่ตกอยู่ในอำนาจของผู้ชายในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ที่ไม่สามารถมีปากเสียงได้มากนัก และมันก็สะท้อนไปถึงบทบาทของเอโนลาในการเป็นตัวแทนให้สังคมหันมาสนใจในพลังหญิง ประเด็นเรื่องทาส และความเป็นคนเท่ากันที่มากขึ้นกว่าภาคแรกอย่างชัดเจน 

Enola Holmes 2 สรุปโดยรวม

โดยรวมแล้ว ‘Enola Holmes 2’ นี่ถือว่าเป็นการเติบโตที่มาถูกทิศถูกทางแล้วล่ะครับ เพราะว่าผู้กำกับและทีมเขียนบทเองก็เริ่มรู้วิธี รู้ที่ทาง และเริ่มรู้เสน่หของตัวหนังในการรู้จักขมวดปมความสนุกในเชิงเบาสมอง ทั้งแอ็กชัน ผจญภัย โรแมนติก ผสานกับความสนุกแบบคิ้วขมวดไปกับรหัสคดี

และประเด็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ และความเท่าเทียม ให้ออกมารวมกันแล้วดูไม่ยัดเยียด แต่ยังได้ความบันเทิงที่เติบโตและสนุกเพิ่มขึ้นจากภาคแรกไปอีกสเต็ป ได้ยิ้มอิ่มเอม ฟีลกู้ดฟีลใจ แถมแฟน ๆ เชอร์ล็อก โฮล์มส์ น่าจะได้กรี๊ดกร๊าดกับฉากก่อนเครดิต (Pre-Credits) ด้วยอย่างแน่นอน 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *