รีวิวหนังฝรั่ง Shang-Chi
รีวิวหนังฝรั่ง Shang-Chi เล่าเรื่องราวต้นกำเนิดของซูเปอร์ฮีโร่คนล่าสุดของจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล ชาง-ชีต้องเผชิญหน้ากับอดีตที่เขาเคยเดินจากมาและเปิดเผยปริศนาแห่งองค์กร Ten Rings ที่ถูกซ่อนไว้ตั้งแต่เส้นเรื่องของจักรวาลหนังมาร์เวลเอาไว้ตั้งแต่เปิดโหมโรมเรื่องแรกเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วเลยทีเดียว เว็บดูหนัง
เหวินหวู่ (เหลียงเฉาเหว่ย) จอมพลผู้ครองวงแหวนอำนาจทั้งสิบได้แผ่ขยายอำนาจของตนออกไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาลในฐานะขุนพลไร้พ่ายและอำนาจของวงแหวนยังเหมือนเป็นยาอายุวัฒนะที่ทำให้เขาไม่มีวันชราและดูหนุ่มตลอดเวลา เหวินหวู่ได้ยินเรื่องราวของ “ถาโหล” ดินแดนมหัศจรรย์ที่มีเหล่าสัตว์วิเศษและเวทมนตร์มากมายแต่กลับกลายเป็นหลี่ (ฟาลา เฉิน Fala Chen) สาวเมืองถาโหลที่เขาได้มาครองจนให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวคู่หนึ่งนาม ชาง-ชี (ซื่อมู่ หลิว Simu Liu) กับ เซี่ยหลิง (จางเหมิงเอ๋อ Meng’er Zhang)
หลังจากแม่ถูกฆ่าตายโดยศัตรูของเหวินหวู่ ชาง-ชีได้หนีไปยังซานฟรานซิสโกแล้วเปลี่ยนชื่อเป็นชอว์นทำอาชีพพนักงานรับจอดรถเลี้ยงชีพคู่กับ เคที (อควาฟีนา Awkwafina) เพื่อนสาวสุดห้าวแต่เมื่อวันดีคืนดีแก๊งเท็นริงส์ของเหวินหวู่ได้ปรากฎตัวเพื่อตามเขากลับไปหาพ่อสุดอำมหิต อดีตที่ตามหลอกหลอนกำลังพาเขากลับไปยังถาโหลอีกครั้ง เพื่อปกป้องมันจากเหวินหวู่ที่ถูกอำนาจมืดครอบงำและอาจปลดปล่อยภัยร้ายที่อาจทำลายโลกใบนี้ได้ในพริบตา
สำหรับหนัง Origin Story ของ Marvel ที่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยจะใส่ใจเรื่องของลูกเล่นเสียเท่าไหร่ (เรื่องที่เราคิดว่ามีสีสันมากที่สุดก็คือ Ant-Man) แต่สำหรับ Shang-Chi ไม่ใช่แบบนั้น เพราะหนังเปลี่ยนโทนจากหนังฮีโร่ธรรมดาเป็นหนังกังฟูใหญ่ฟัดใหญ่ที่กลิ่นอายความเป็นเอเชียชัดเจนมาก ถ้าหนังเอา Logo Marvel ในช่วงเปิดเรื่องและเอาฉาก End Credit ออก ก็แทบจะดูไม่ออกเลยว่านี่เป็นหนังในจักรวาล MCU เว็บดูหนังฟรี
ปัจจัยหลักของความสนุกของหนังนั้นมาจากมุกตลกและฉากแอคชั่นที่ดีไซน์คิวบู๊ได้ยอดเยี่ยมมาก กังฟูในเรื่องนี้ไม่ได้ดูไก่กา ไม่ได้ดูประดักประเดิด แต่ทุกฉากถูกดีไซน์ท่าต่อสู้ออกมาได้สละสลวยสวยงามและมุมกล้องที่ขับเคลื่อนอารมณ์ในฉากนั้นออกมาครบถ้วน เราชอบฉากเปิดที่ต่อสู้กันในป่ามาก ทั้งการตัดต่อและดนตรีประกอบมันช่างลงตัวอะไรเยี่ยงนี้ ขอชื่นชมผกก. Destin Daniel Cretton รู้เลยว่าทำการบ้านมาหนักมาก ฉากแอคชั่นทุกฉากยอดเยี่ยมมาก ไม่มีฉากไหนที่รู้สึกว่าเละเทะ ที่ชอบมากๆ ก็คือ Climax ที่โคตรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรมันส์ ทำเอาฉากแอคชั่นใน Black Widow ดูจืดไปเลย
ฉากแอคชั่นช่วยชีวิตหนังไว้เยอะมาก มันยอดเยี่ยมจนยกระดับหนังทั้งเรื่อง เพราะองค์ประกอบอื่นของหนังนั้นจืด ตั้งแต่บทหนังที่ดูอ่อนอยู่ในการ Set up ตัวละครนี้ให้ไปต่อในจักรวาล MCU เพราะ Story ส่วนใหญ่ในช่วงกลางจนถึงท้ายนั้นแทบจะไม่ใช่เรื่องของ Shang-Chi แล้ว เพราะหนังไปใส่ใจกับตัวละครอื่นมากเกินไป จนไม่มีเวลาให้พูดถึงตัวละครหลักเลย เราแอบเสียดายและกังวลสำหรับภาคต่อไปนิดนึง ไม่รู้ว่าจะไปต่อได้คล่องขนาดไหน หนังฟรี
หนังที่มาพร้อมกับทีมนักแสดงกว่า 80% ของทั้งเรื่องมีเชื้อสายเอเชียทั้งหมด แต่พวกเขาต้องมาทำงานกับทีมงานฝรั่งฮอลลิวูดเป็นส่วนใหญ่เช่นเดียวกัน จึงกลายเป็นการทำงานที่มีความแตกต่างทางพื้นเพ และกลับสามารถทำให้ชงรสชาติออกมาได้กลมกล่อมและอร่อยถึงลิ้นได้กำลังพอดีเลย “ดัสติน แดเนียล เครตตัน” มารับหน้าที่กำกับหนังเรื่องนี้ เครดิตหนังที่ผ่านมาของเขาก็มีแต่หนังดราม่าน้ำดีมาโดยตลอด เมื่อต้องมาหยิบงานสร้างระดับมหึมาขึ้นเป็นเท่าตัว แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่า…เขาทำดีใช้ได้อยู่
สัมผัสได้ถึงความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ จากการใช้ 3 นักเขียนมาระดมเขียนบทหนังช่วยกันในเรื่องนี้ ทั้งตัวผู้กำกับเองที่มาร่วมออกไอเดียกับ “เดฟ คอลลาแฮม” (จาก Mortal Kombat) กับ “แอนดูรว์ ลันแฮม” (จาก Just Mercy) แล้วยังใส่ขั้นตอนการทรีตเมนต์บทหนังเพิ่มเข้าไปอีก เพื่อดูแลองค์ประกอบต่างๆ ในหนังออกมาให้สมบูรณ์แบบที่สุด ทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาต้องยอมรับว่า Shang-Chi ทำออกมาได้เหนือกว่าที่คาดเดาเอาไว้ และทุกๆ อย่างไม่ได้มีแค่ที่ปรากฏอยู่ในทีเซอร์ตัวอย่างจริงๆ
รีวิวหนังฝรั่ง Shang-Chi
สิ่งที่ชอบคือคิวบู๊ คือพอมันเป็นหนังที่มีโทนความเป็นเอเชียเต็มขั้น คิวบู๊แบบเอเชียที่มีความรวดเร็วและหวือหวาจึงเป็นสิ่งที่เราๆ คาดหวังอยากจะเห็นจากหนัง Marvel บ้าง ซึ่งยอมรับเลยว่าตอนเห็นแค่ตัวอย่างก็ยังอดห่วงเล็กน้อยไม่ได้ แต่พอไปดูของจริงก็คงต้องบอกว่าตัวหนังทำได้ดีกว่าที่คิดอยู่เยอะครับ ถึงแม้ว่าช่วงท้ายๆ มันจะดรอปลงไปหน่อยก็ตาม และไฟต์ซีนที่ชอบที่สุดก็คือการสู้กันบนรถเมลล์อยากทึ่เห็นในตัวอย่างนั่นแหละ แม้กระนั้นในภาพรวมเราก็ยังรู้สึกว่า Shang-Chi เปิดมิติคิวบู๊และฉากแอคชั่นใหม่ๆ ให้ Marvel อยู่ไม่น้อย หนังใหม่
อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้ดีจริงๆ โดยเฉพาะฉากแอคชั่น แต่นอกเหนือจากนั้น คือรู้สึกว่ามันเป็นหนังที่เหมือนความละเมียดค่อยๆ น้อยลงตามเวลารันหนังที่เพิ่มขึ้น แต่ส่วนที่รู้สึกว่าเป็นรอยด่างพร้อยอันเด่นชัดที่สุดก็คือเนื้อเรื่องและมิติตัวละคร ที่มาแบบตรงๆ ทื่อๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน แง่หนึ่งมันก็ดูง่ายและสามารถโฟกัสไปที่บทบาทของตัวเอกอย่าง Shang-Chi ได้เลย แต่อีกมุมก็อดรู้สึกเสียดายศักยภาพของเอเลเมนต์รอบด้านที่อาจทำให้หนังลุ่มลึกขึ้นอีกระดับอย่างช่วยไม่ได้
ความพยายามจับต้องและใส่วัฒนธรรมจีนเข้ามาในหนังเรื่องนี้ ไม่มากและไม่น้อยเกินไป แม้ว่าโครงเรื่องหลักไม่อาจจะหนีพ้นความเป็นจีนได้เลย แต่สามารถสื่อสารออกมาในรูปแบบจีนที่สากลเข้าถึง หนังไม่ได้หยิบเอาวัฒนธรรมจีนจ๋าๆ ใส่เข้ามามากมาย เพียงแต่หยิบยืมความงดงามของรูปแบบวัฒนธรรมนี้มาใช้เป็นเส้นเรื่องและเล่าเรื่อง ที่นับว่าเป็นการตอบโจทย์ปฐมบทของฮีโร่เชื้อสายเอเชียผู้นี้เป็นอย่างดี
อีกหนึ่งองค์ประกอบที่หนังทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลยก็คือ การดีไซน์ตัวละครต่างๆ ที่สร้างมิติให้กับทุกคาแรกเตอร์ในหนังได้ดีเกือบจะทุกตัวเลยก็ว่าได้ แม้ว่าหนังจะโฟกัสอยู่ที่ ชาง-ชี เป็นหลัก แต่กลับไม่ได้ฉากไฟสปอตไลต์ไปใส่ไว้ที่เขาเพียงคนเดียว หนังได้ทำการกระจายบทบาทต่างๆ ให้กับทุกตัวละครเหมือนเป็นคนสำคัญเทียบเท่าเกือบจะเท่ากันหมด ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่หนังที่เล่าเฉพาะเรื่องของชาง-ชีเท่านั้น
ซือมู่ หลิว ทำได้ตามมาตรฐานเท่าที่บทจะอำนวย ถือว่าสอบผ่านแต่ผมว่าเขายังเด่นได้มากกว่านี้ ส่วนพี่เหลียงเฉาเว่ยนี่คือเท่สัสๆ เท่โคตรๆ แค่มาดยืนเฉยๆ ก็ออร่ากระจุย แต่บทพี่มันก็นะน่าเสียดาย ขณะที่ตัวละครเคธี่ของอควาฟิน่านี่จริงๆ บทไม่ได้น้อย แต่มันแทบไม่มีความสำคัญใดๆ ตัดออกไปก็ไม่กระทบตรงไหน แม้จะเป็นหนึ่งในตัวละครนำก็เถอะ ก็ต้องมาดูว่าตัวละครนี้จะมีบทบาทในหนังเรื่องหน้าๆ อย่างไร แต่กับเรื่องแรก ตัวละครนี้ยังไม่น่าประทับใจเท่าไหร่
อย่างไรก็ตาม Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings ไม่ใช่หนังที่แย่นัก เพียงแอคชั่นซีนก็พอแบกหนังได้ทั้งเรื่อง และการยังทำให้เรารู้สึกสนุกได้แม้บทบาทและเนื้อเรื่องจะไม่อำนวยก็ตาม ซึ่งถ้าหากคุณเป็นแฟนภาพยนตร์ Marvel อยู่แล้วก็คงไม่มีเหตุผลกลใดที่จะไม่ไปดูหนังเรื่องนี้ครับ ดูหนังฟรี
“ซือมู่ หลิว” ที่ใครๆ เห็นผิวเผินก็อาจจะบอกว่าเขาก็เป็นแต่หนุ่มตี๋ธรรมดาๆ (แน่นอนว่าเขาโดนบูลลี่เอาไว้เยอะ ตั้งแต่ได้รับเลือกให้กับรับบทนี้) แต่อยู่ในจอหนังเรื่องนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ซื่อมู่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันแปลกประหลาดที่ทำให้ชวนดูรู้สึกคล้อยตามเขาไปด้วยในทุกฉาก เขาไม่ใช่ฮีโร่สายประชานิยมในเบื้องต้น แต่การถ่ายทอดบทบาทนี้ในฉบับเป็นตัวเองของเขานั้น ขับพลังและออร่าของตัวละครและพยุงหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้ดี
“อควาฟิน่า” ที่เอาจริงๆ นึกว่าจะใส่เข้ามาแค่เป็นนักแสดงหญิงตัวโจ๊ก คอยแย่งซีนเฉยๆ เท่านั้น แต่มาร์เวลจริงจังกับตัวละครของเธอมากกว่านั้น และสร้างมิติให้กับคาแรกเตอร์นี้ได้อย่างน่าสนใจและยังปูทางเอาไว้ให้ยาวๆ อีกด้วย ขณะที่นักแสดงสมทบคนอื่นๆ ของเรื่องก็โดดเด่นแทบจะทุกคน ไม่ว่าจะเป็น “จาง เหมิงเอ่อร์”, “มิเชล โหย่ว”, “ฟาลา เฉิน” หรือ “เบน คิงส์ลีย์” รายหลังนี้มาเพื่อขโมยซีนโดดเด่นประจำเรื่องนี้อย่างแท้ทรู
Simu Liu ดูดีมากในบท Shang-Chi เราเห็นแววตั้งแต่ประกาศนักแสดงแล้วว่าคนนี้น่าสนใจ ในเรื่องเขาก็เล่นดี แต่ก็โดนกลบเมื่อต้องไปเข้าฉากกับนักแสดงคนอื่นอย่างเช่น Tony Leung ที่รัศมีความเด่นเยอะมากๆ และเท่โคตรๆ, Meng’er Zhang ในบทน้องสาวก็ดูดีมาก นางมีปมที่ดีพอสมควร, Awkwafina ที่ตอนแรกยังดูเฉยๆ อยู่ แต่พอดูไปเรื่อยๆ นางรั่วได้ฮามาก และมีเสน่ห์สมกับเป็นนางเอก เราชอบเวลานางเข้าฉากกับ Simu Liu มาก เคมีเข้ากันสุดๆ, Michelle Yeoh ก็ยังสง่างามเหมือนเดิมเวลาอยู่ในหนังบู๊ แต่คนที่เราต้องมอบมงค์ให้แบบสวยๆ ก็คือ Ben Kingsley
ด้วยความยาวหนังร่วม 2 ชั่วโมง 12 นาที ก็นับว่า เดสติน แดเนียล เครตทัน (Destin Daniel Cretton) บริหารจัดการเวลาได้อย่างคุ้มค่าทีเดียวทั้งการใช้ซีเควนซ์แรกในการบอกเล่าที่มาของตำนานเท็นริงส์ (Ten Rings) หรือสิบวงแหวนมรณะกับที่มาที่ไปของเหวินหวู่และการถือกำเนิดของชาง-ชีและน้องสาว ต่อด้วยเหตุการณ์ปัจจุบันที่ชาง-ชีได้มาอยู่ซานฟรานซิสโกและแนะนำตัวละครตัวฮาของเรื่องอย่างเคที ก่อนจะเล่าตัดสลับไปยังดราม่าครอบครัวที่ทำให้พ่อและลูก ๆ ต้องกลับมาห้ำหั่นกันซึ่งก็เต็มไปด้วยฉากแฟลชแบ็กและอารมณ์ดราม่าเข้มข้น
แต่ต้องยอมรับว่าเมื่อตัดเกรดแยกเป็นส่วน ๆ แล้วเราจะพบว่าเครตทันยังไม่สามารถทำให้ฉากแอ็กชันในหนังออกมาดูว้าวเท่าที่ควรซึ่งก็เข้าใจได้สำหรับมือใหม่ที่ถนัดแต่หนังดราม่า แต่ใช่ว่าเครตทันจะไม่รู้ตัวและแก้เกมไม่ทันนะครับตรงกันข้ามเขากลับเบนเข็มเรื่องราวให้มีความเป็นคอมเมดี้กับมุกแซวชาวเอเซียแสบ ๆ คัน ๆ ทั้งเรื่องความคาดหวังของพ่อแม่และการอวดเบ่งของกลุ่มเพื่อนซึ่งก็ได้ไปหลายฮาทีเดียวทั้งจากซื่อมู่ หลิวและอควาฟินาที่เล่นมุกกันได้เข้าขามากจนทุกซีนที่มีทั้งสองคนนี้อยู่กลายเป็นไฮไลต์ที่ทำให้หนังออกมาสนุกและไม่น่าเบื่อเลย แม้อควาฟีนาจะหมั่นขโมยซีนจนซื่อมู่ หลิวดูหม่นไปหลายซีนก็ตาม ดูหนังออนไลน์