รีวิวหนังฝรั่ง Me Before You
รีวิวหนังฝรั่ง Me Before You เมื่อสาวสวยอย่าง ลูอิซ่า ‘ลู’ คลาร์ก (Emilia Clarke จาก ‘Game of Throne’) ที่เกิดมาในครอบครัวที่ฐานะไม่ดีนัก แถมเธอโชคร้ายต้องตกงานโดยไม่ทันได้ตั้งตัว แม้เธอจะดูไม่มีจุดหมายอะไรในชีวิต แต่เธอก็เป็นคนมองโลกในแง่ดีมีความคิดสร้างสรรค์ แถมยังมีความตั้งใจอีกต่างหาก เธอต้องหางานใหม่โดยเร็วที่สุด
หนังเล่าผ่านมุมมองนางเอก ลูอิซา ที่กำลังตกงานและต้องรีบหางานทำช่วยแบ่งเบาภาระทางบ้าน ซึ่งบังเอิญได้เจองานดูแลคนพิการเงินดีแถมเซ็นสัญญายาวถึง 6 เดือนซะด้วย นี่คือจุดเริ่มต้นการพบพานของเธอกับ วิลเลี่ยม ที่เดินสูตรหนังรักแบบพ่อแง่แม่งอน จากไม่ถูกชะตา พระเอกคอยแกล้งและหงุดหงิดใส่นางเอก จนค่อยๆผูกพันและกลายเป็นความรักในที่สุด
ถ้าจบแค่นี้ตัวนิยายคงไม่ดังมากขนาดนี้แน่ๆ และคงไม่ใช่หนังมีของอย่างที่บอกตอนต้น เพราะความเจ๋งของมันนั้นอยู่ในช่วงครึ่งหลังของหนัง เมื่อนางเอกได้รู้ความจริงบางอย่างเกี่ยวกับตัวพระเอก… (สปอยล์นิดๆแบบไม่สุดอ่านด้านล่างของรีวิวต่อนะครับ ตรงนี้เกริ่นแค่นี้พอ)
ต้องบอกว่านี้เป็นหนังรักที่ผมว่าดูสนุกระดับหนึ่ง แต่ไม่ถึงขั้นซาบซึ้งกินใจ ติดฝังใจอะไรมากนัก ด้วยหลักๆคือความไม่ค่อยลงตัวระหว่างการแสดงของ อีมิเลีย กับตัวบทที่แกว่งนิดๆของตัวละคร คือตัวนางเอกมีความสดใส เป็นคนฉลาดไหวพริบดี แต่ขณะเดียวกันก็การศึกษาไม่สูงและอาศัยอยู่เพียงในเมืองชนบทของอังกฤษทำให้เธอดูไม่ทันพระเอกนัก แต่ในหนังผมรู้สึกเขาจะวางการแสดงให้ดูออกจะโง่ๆบ้านๆไม่ค่อยทันคนมาแต่ต้น แต่ก็ดันมีช่วงสนทนาที่ฉลาดๆและรู้ทันพระเอกในบางทีแบบไม่ค่อยสมเหตุสมผล และความสดใสที่ล้นมากไปจนบางทีดูน่ารำคาญของเธอก็ยิ่งทำให้ไม่ค่อยเชื่อในตัวละครนี้นัก ดูหนัง
ดูความฉลาดและอารมณ์เธอมันแกว่งๆขึ้นๆลงๆตลอดเรื่องเลยด้านการเล่าเรื่องก็มีปัญหานิดๆในแง่การพัฒนาความสัมพันธ์ของตัวละคร ที่มันบางไปนิด แม้หนังจะให้เวลาค่อนข้างนานแล้วก็ตาม คือมันขาดระดับหรือจุดชี้ขาดที่ทำให้รู้ว่าตัวละครมันเริ่มรักกันมากแบบยอมทิ้งแฟนที่คบกันอยู่หรืออะไรแบบนั้นเลย เช่นเดียวกันกับตอนจบมันขาดจุดชี้ขาดที่ทำให้เรารู้สึกว่าทางเลือกของตัวละครมันสมเหตุสมผลน่ะครับ ตรงนี้คิดว่าในนิยายน่าจะทำได้ละเอียดและมีเวลาปูความรู้สึกให้อะไรๆชัดเจนได้ดีกว่า แต่ถ้าเราดูหนังแบบเพลินๆ หนังก็สนุกดีครับ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่จีบกันมันสนุก มีฉากที่สนุกมากๆประทับใจมากๆอย่างตอนงานวันเกิดของนางเอกอยู่เหมือนกัน คือผมว่าบางคนที่มองข้ามจุดที่ผมว่าแล้วเอ็นจอยกับหนังได้เต็มที่ก็คงมีเยอะล่ะครับ ตรงนี้ออกตัวก่อนเลยว่าเป็นแค่ความเห็นส่วนตัวนะ
หนังเฉลยตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วว่าเป็นเรื่องของชายที่เคยประสบความสำเร็จมากที่สุดคนนึงที่ในอายุเขาตอนนั้นจะทำได้ แต่กลับเจออุบัติเหตุที่ทำให้เขาเป็นอัมพาตตั้งแต่อกลงไป สิ่งที่เขาทำได้คือการขยับนิ้วได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และมันจะยิ่งเลวร้ายมากขึ้นไปเรื่อยๆ ต่อมาเขาก็ได้มาเจอหญิงน้อยสดใส โลกสวยท่ามกลางทุ่งลาเวนเดอร์ ที่อยากทำให้เขายืนหยัดสู่กับชีวิตต่อไป
เราชอบที่หนังไม่ได้ดราม่าฟูมฟายให้เราต้องไปเศร้ากับฉากสะเทือนใจหลายๆอย่าง กลับทำให้เราซึมซับกับความรู้สึก และเศร้าในแบบทางที่เรามีความสุข พระเอกนางเอกก็เล่นดี แม้ว่าจะรำคาญนางเอกบ้างในบางอารมณ์ และชอบ Sam Claflin ใน Love, Rosie. มากกว่าอยู่ดี 55 แต่ทั้งสองคนก็ประคับประคองหนังให้ดีมากพอจนคนตามไปดูมากมายขนาดนี้
แต่คำวิจารณ์ก็ออกไปทางลบนิดๆเพราะฝรั่งหลายคนไม่เคารพการตัดสินใจของพระเอก แต่เรากลับเคารพการตัดสินใจของพระเอกสุดๆเลยอ่ะ คือเราคิดว่าเราไม่ควรไปตัดสินความเจ็บปวดของคนอื่นเลยแม้แต่น้อย ตราบใดที่เราไม่ใช่สถานะเดียวกับเขา แน่นอน นางเอกก็อยากให้พระเอกสู้ต่อ เพราะนางรักพระเอกสุดหัวใจ แต่ในชีวิตมันไม่ได้มีแค่ความรักนี่ ชีวิตที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดแบบนั้นมันซับซ้อนกว่ากันเยอะ เธอไม่ได้แบ่งความเจ็บปวดจากการรักษาปอดบวมของเขา ไม่ได้รู้สึกอ่อนปวกเปียกในวันที่กล้ามเนื้อพระเอกฝ่อลงไปทุกที ไม่ได้ขยับไปไหนไม่ได้ในวันที่อยากเดินเข้าไปกอดคนที่เธอรักมากที่สุด มันไม่ใช่ชีวิตที่เขาเคยเป็นมาตลอด และสิ่งที่เราควรทำมากที่สุดคือการเคารพการตัดสินใจของเขา
(และแน่นอนมันก็จะมีคนแบบแม่นางเอกเกิดขึ้นมา ที่ไม่เข้าใจการเลือกไปในทางที่สงบของพระเอก เหมือนคนหลายๆคน) ดูหนังออนไลน์
รีวิวหนังฝรั่ง Me Before You
อีกประเด็นหนึ่งคือทุกคนไม่พอใจที่นางเอกบอกเลิกแฟนเก่านะ.. แต่คือเราโคตรเข้าใจประเด็นนี้เลยหว่ะ คือเมื่อก่อนนางเอกแบบโดนกักขังในทุกๆอย่าง ต้องทำงานช่วยครอบครัว ต้องติดอยู่ในสภาพชีวิตนั้น ทำให้ชีวิตเป็นพวกทำอะไรก็ได้ตามที่คนอื่นสั่ง เหมือนแฟนเก่านางบังคับให้นางไปเที่ยว หรือให้กินอาหารอะไรที่สุขภาพดี ซึ่งจริงๆเธอก็ไม่ได้อยากกิน แต่เพราะว่าอะไรก็ได้ แต่พอนางได้เจอพระเอกที่เขามาบอกกับเธอว่า “ทำสิ่งที่เธออยากจะทำได้แล้ว อย่าไปกลัวกับสิ่งภายหน้า มันจะทำให้เธอมีความสุขจริงๆ” และนั่นแหละทำให้นางเอกตัดสินใจทิ้งแฟนเก่าที่คิดแต่เรื่องของตัวเองไป ซึ่งสำหรับเรามันผิดไหม เออ มันก็ผิดแหละ แต่มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องสำหรับการที่จะให้ตัวเองได้ก้าวต่อไปข้างหน้าแล้ว
ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเรียกชีวิตของพวกเขาว่าเป็นความสุขหรือความเศร้าดี เพราะมันปะปนกันไปจนไม่อาจจะแยกจากกันได้อย่างชัดเจน ‘Me Before You’ ถ่ายทำในโลเกชั่นที่มีปราสาทหลังใหญ่งดงามในอังกฤษ แค่นี้ก็เป็นฉากในฝันไปเรียบร้อยแล้ว แถมมันยังเหมือนเป็นหนังที่ถ่ายทอดเรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสองนาทีสุดท้ายของวัน เต็มไปด้วยภาพที่สวยงามที่ชวนให้ตะลึงตา หลายครั้งที่เขาเลือกจะทิ้งช็อตที่ตั้งกล้องนิ่งๆ มองเห็นเป็นภาพกว้าง แต่เป็นภาพเคลื่อนไหว
เริ่มที่นักแสดง คือดี บอกเลยค่ะว่าดี ทุกคนดูลงตัว แล้วนักแสดงทุกคนในเรื่องนี้ทำให้หนังและอารมณ์ของหนังไปด้วยกัน ทุกอย่างกลมกล่อมลงตัว และมากกว่านั้นคือทุกคนถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ดีมากค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Will Traynor ที่เน้นหนักไปกับซีนอารมณ์เลย Louisa Clark ก็ไม่แพ้กัน ชอบตัวละครลูมาก เป็นตัวละครที่ถอดออกมาจากหนังสือเลย เปิ่น โก๊ะ ฮา น่ารัก แต่น่าจดจำ นักแสดงเรื่องนี้ไม่น่าผิดหวัง ดูหนังฟรี
โอเคว่าเรื่องนี้มันคือหนังรัก แต่ว่ามันไม่ได้หวานหยาดย้อยน่าอ้วกขนาดนั้น มันเป็นหนังรักที่ปุ้มใจว่ากลมกล่อมมาก พอๆ กับ Love, Rosie เลย (นักแสดงคนเดียวกันด้วยนะเออ) มันมีความน่ารักปนตลก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะคอมเมดี้ เรื่องนี้จัดอยู่ในหมวด Drama เลย (อินแรงมากค่ะ ปุ้มใจร้องไห้หนักมาก) พาร์ทที่เป็นส่วนเศร้าคือเศร้าจริง แต่มันไม่ได้เศร้ามาก มันเศร้าแบบที่เราจะชอบแน่นอนค่ะ มีหลายฉากที่ดีงามมาก ทั้งตัวบท อีกอย่างเริ่งนี้เก็บ quotations ที่ปุ้มใจชอบมาค่อนข้างครบ ละมันทำให้คนดูอย่างเราๆ อินมากขึ้นด้วย มันมีข้อดีอีกอย่างนะคะ ตรงที่ว่าเรื่องนี้มันมีความตลกที่มาจากตัวนางเอก ทำให้เรื่องมันดำเนินไปได้ดี ไม่หวือหวา แต่ไม่น่าเบื่อเลย ไม่ง่วงเลย เพลงประกอบก็ดีค่ะ
ด้วยความสนุกแบบมาตรฐานหนังแนวนี้ ผมเลยจัดให้เป็นหนังรักธรรมดาที่ดีเลยล่ะเรื่องหนึ่ง ในขณะเดียวกันครึ่งหลังของหนังเมื่อเปิดประเด็นดราม่าฝั่งพระเอกขึ้นมา หนังก็ดูจับต้องได้มากขึ้นในขณะเดียวกันก็สร้างโอกาสให้เราซาบซึ้งและสะเทือนใจมากขึ้นด้วย หนังดูมีของขึ้นเยอะเลยล่ะ ตรงนี้เป็นส่วนที่ทำให้นิยายเรื่องนี้แตกต่างและประสบความสำเร็จ จึงเป็นเหตุให้บอกว่า ถึงจะดูธรรมดา แต่จริงๆไม่ธรรมดาเลยล่ะ ต้องลองพิสูจน์ครับ แต่แฟนๆนิยายผมเดาว่าน่าจะตัวนิยายมากกว่าล่ะนะ
หนังแตะประเด็นที่ละเอียดอ่อนมากครับในแง่คำถามเกี่ยวกับความรักและชีวิต คือนางเอกได้รู้ความจริงว่าพระเอกตัดสินใจที่จะจบชีวิตตัวเอง ซึ่งมันมีบริการลักษณะนี้ในสวิตเซอร์แลนด์ชื่อ Dignitas ที่ให้คนที่พิการหรือป่วยหนักสามารถเลือกจบชีวิตตนเองอย่างไม่ทรมานได้ โดยพระเอกเคยพยายามฆ่าตัวตายเอง เพราะรับตัวเองในสภาพที่เป็นภาระคนอื่นแบบนี้ไม่ได้ แต่ก็ไม่สำเร็จ จริงๆเขาก้ติดเชื้อง่ายและจวนเจียนจะตายมาหลายรอบแล้วล่ะซึ่งเป้นส่วนหนึ่งที่เขามองว่าควรจบชีวิตลงมากกว่าเพราะก็ใกล้ตายอยู่แล้ว ดีกว่าเป็นภาระทางบ้าน แม่เขารับไม่ได้ครับ เขาเลยให้โอกาสที่บ้านทำใจอีกครั้งโดยสัญญาว่าจะไม่ฆ่าตัวตายภายใน 6 เดือนนี้และหลังจากนั้นจะเข้ารับบริการดังกล่าวครับ ตรงนี้แม่ของเขาก็หวังว่าเขาจะเปลี่ยนใจ ซึ่งบังเอิญที่นางเอกเข้ามารับงานนี้โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่นั่นเอง ตอนนี้หนังถามคำถามที่น่าสนใจเลยว่า ความรักจะสามารถเปลี่ยนแปลงความไม่อยากมีชีวิตของพระเอกได้ไหม และเราก็ลุ้นไปด้วยครับว่าอะไรจะทำให้พระเอกเปลี่ยนใจได้ เว็บดูหนัง
ตรงนี้ต้องบอกเลยว่าหนังสือนิยายน่าจะสื่อสาระสำคัญที่ต้องการ ของทั้งมุมมองนางเอกและพระเอก ได้ดีกว่าในหนังครับ เพราะหนังไม่นำพาให้เราอินกับตอนจบได้เท่าไรนัก อาจเพราะการปูพื้นอารมณ์ไม่ดีพอ หรือบทสนทนาที่เคลียร์ความรู้สึกของตัวละครต่างๆยังไม่เพียงพอก็ได้ น่าเสียดายนิดๆที่ทำให้เชื่อได้ยังไม่เต็มร้อยครับ ไม่งั้นคงอินกับตัวละครมากกว่านี้
ตัวหนังสือมีภาคต่อที่ชื่อ After You ที่ไม่เกี่ยวกับร้านขนมครับ รู้สึกจะออกพิมพ์ไปเมื่อปีก่อน ส่วนนิยายฉบับภาษาไทยของทั้งสองเล่มก็กำลังจะออกมาให้เราได้อ่านกันในปีนี้ด้วย อ่านรีวิวมาเหมือนว่าหนังสือเล่มสองจะดรอปลงจากเล่มแรกเยอะ แต่ใครอยากรู้ตอนต่อก็ลองดูครับ
ยกตัวอย่างที่ชอบนะคะ ปุ้มใจชอบหลักๆ เลยมีอยู่สามฉาก ฉากแรกคือฉากที่ลูสวมชุดแดงไปดูคอนเสิร์ตกับพระเอก เป็นฉากที่ยิ้มไปด้วยน้ำตา (เพราะชอบฉากนี้ในหนังสือมากเลยจ้า) คือมันดีมากค่ะ มันกลมกล่อม มันละมุน หน้าร้อนไปตามกันทั้งที่ไม่ได้หวือหวาเลย
ฉากที่สองคือฉากไปงานแต่ง โอ้โหหหห เป็นฉากที่แบบน่ารักมาก ชอบมาก มันดีต่อใจ ทั้งลูทั้งวิลสื่อความรู้สึกในฉากนี้ชัดเจนมาก ซึ่งมันปูทางไปสู่ความพีคในตอนจบ
และฉากจบค่ะ ฉากจบคือบ่อน้ำตาของเรื่อง ทั้งสุข ทั้งเศร้า ทั้งเหงา ทั้งดีใจไปกับลู มันเป็นฉากที่พีคมากจริงๆ ค่ะ ร้องไห้อย่างเหงาหงอยแต่ก็มีความสุข คนดูจะได้เจอกับสิ่งที่เอาหน้าร้อนไปกับ ความวิล คือฉากนี้เป็นฉากที่ชอบมากจริงๆ เป็นจุดพีคของเรื่อง ที่ทำให้เราเข้าใจถึงคำว่า รัก ในอีกแบบ แบบที่เราอยากเห็นเขามีความสุข เห็นคนที่เรารักมีชีวิตที่เป็นของเธอ มีความสุขที่เป็นของเธอ และมีตัวตนของเธอในชีวิตของเธอ เว็บดูหนังฟรี
นอกจากนี้นะคะ ที่ชอบอีกอย่างแบบชอบมากเลยคือการที่ตัวละครทั้งเรื่องถูกโยงเข้าหากัน การสนทนาของวิลกับลูนี่จะทำให้ทุกคนชอบได้ไม่ยากเลย ทั้งสองตัวละครมันธรรมชาติมาก มันไม่ได้ประดิษฐ์ ซึ่งทำให้บทพูดหวานๆ และฮาๆ พวกนั้นดูจริงขึ้นมาอีกหลายมิติ ชอบการที่แต่ละคนพยายามจะทำให้อีกคนมีความสุข มันดีนะคะ
การมาเจอกันของคนแตกต่างสองคน ลูคือคนที่ทำทุกอย่างเพื่อคนอื่นมาตลอดชีวิต เธอมาทำงานที่นี่ด้วยหวังว่าจะได้เงินไปให้ครอบครัว เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะจัดการกับคนป่วยที่พิการแถมอารมณ์ยังขึ้นๆ ลงๆ คนนี้ยังไง ขณะที่วิลก็ยังไม่อาจจะปรับตัวเข้ากับโลกที่พังทลายลงไปได้ แต่จู่ๆ เขาก็กลับได้มาพบกับผู้หญิงที่มาทำให้ชีวิตที่จืดชืดและหม่นเศร้าได้กลับมามีสีสันอีกครั้ง
ดนตรีประกอบคือสีสันที่เติมให้หนังดูทรงพลังมาก ด้วยเมโลดี้ที่เป็นไปในแนวทางเดียวกันและได้รับการเรียบเรียงที่กระตุ้นเร้าให้มีพลังใจอยู่ตลอดเวลา เหมือนคนทำตั้งใจจะสร้างความรู้สึกว่า หนังเรื่องนี้กำลังผลักดันให้คนดูก้าวเดินและลุกขึ้นสู้มากกว่าจะยอมแพ้
หนังรวมเองเพลงประกอบที่ไพเราะหลายๆ เพลงไว้ในเรื่องเดียวกัน และหลายเพลงก็พร้อมจะทำให้น้ำตาไหลได้อีกครั้งแม้หนังจะจบไปนานแล้ว ‘Photograph’ (Ed Sheeran), ‘Not Today’ (Imagine Dragons)