รีวิวหนังฝรั่ง Marriage Story

รีวิวหนังฝรั่ง Marriage Story คือภาพยนตร์รักที่จริงใจและตรงไปตรงมา ไม่มีภาพฝัน ไม่มีความฟูมฟาย แต่คือความรักที่งดงามในช่วงเวลาที่แตกสลาย เล่าถึงการแต่งงานที่เดินทางไปสู่การหย่าร้าง ระหว่าง ชาร์ลี ผู้กำกับละครเวที และ นิโคล นักแสดงสาว พวกเขามีลูกชาย 1 คน และแม้จะผ่านเรื่องทั้งร้ายดีมาด้วยกันยาวนาน รีวิวหนังฝรั่ง

“ผมมองหาวิธีการใหม่ๆ ในการเล่าเรื่องราวความรัก ซึ่งมันเป็นความคิดที่ธรรมดามากที่จะเล่าเรื่องการหย่าร้าง ผมรู้สึกว่า ผมเล่าเรื่องของการแต่งงาน แต่เป็นในมุมที่ตรงกันข้าม”

ผู้กำกับชาวนิวยอร์ก โนอาห์ บอมบัค สร้างผลงานที่ว่ากันว่าดีที่สุดในชีวิตการทำงานอีกเรื่อง กับภาพยนตร์ Marriage Story ซึ่งมีเค้าโครงส่วนหนึ่งมาจากตัวเขาเอง อย่างที่โนอาห์ให้สัมภาษณ์กับ Deadline “แน่นอน นี่คือภาพยนตร์ส่วนตัว เพราะผมเป็นเด็กที่มาจากครอบครัวหย่าร้าง ดูหนัง 

และผมเองก็ผ่านการหย่าร้างมาแล้วเช่นกัน ผมมีประสบการณ์ในเรื่องนี้โดยตรง ผมเห็นโอกาสที่จะทำให้คนทั่วไปได้รับรู้ในแง่มุมนี้ ผมค้นคว้าข้อมูลเยอะมาก สัมภาษณ์เพื่อนหลายคน เพื่อนของเพื่อน รวมถึงการกลับไปคุยกับทนายความ ผู้พิพากษา เพราะผมต้องการได้ทุกมุมมองจากทุกฝ่าย” ขณะที่โนอาห์เขียนบทเรื่องนี้ เพื่อนสนิท 2 คน ก็อยู่ระหว่างการหย่าร้าง เขาจึงตัดสินใจจะขุดค้นให้ลึกลงไปในชีวิตและอาการหัวใจสลายที่เกิดขึ้นทั้งกับเขาและผู้คนรอบตัว ดูหนังออนไลน์ 

สิ่งที่เกิดขึ้นใน Marriage Story จึงเป็นความจริงใจที่เขาสื่อสารออกมาเกี่ยวกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นในการหย่าร้าง ที่นอกเหนือจากความรัก มันยังมีเรื่องอื่นมาเกี่ยวข้องกว่านั้น “คุณต้องเกี่ยวข้องกับระบบกฎหมายที่มีทั้งทนายความ ผู้พิพากษา ผู้ประเมิน ผู้ไกล่เกลี่ย ซึ่งคนเหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคุณ รวมทั้งครอบครัวและทุกคนที่เคยเกี่ยวข้องกับการแต่งงานของคุณ ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของการหย่าร้างด้วยเช่นกัน” ดูหนังฟรี 

พลอตของ Marriage Story ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนไปกว่าเรื่องการหย่าร้างของ ชาร์ลี (อดัม ไดร์ฟเวอร์) ผู้กำกับละครเวทีจอมติสต์ เจ้าระเบียบ กับ นิโคล (สการ์เลตต์ โจแฮนสัน) นักแสดงสาวที่อยากกลับมาเป็นดาราในจออีกครั้ง หลังจากนางตามใจสามีด้วยการเล่นละครเวทีของเขามานาน เว็บดูหนัง 

ทีนี้ ชาร์ลี กับ นิโคล ก็อยู่กันจนมี เฮนรี (อาซีห์ โรเบิร์ตสัน) ลูกชายที่มีพัฒนาการการอ่านช้าคนนึงเป็นโซ่ทองคล้องใจ แต่อย่างว่าว่ะ คนมันหมดใจ ให้โซ่หนาแค่ไหนมันก็ขาดได้ทั้งนั้นอ่ะ ทั้งที่ทั้งคู่ก็พยายามหาคนไกล่เกลี่ยและชาร์ลีพยายามวางแผนเรื่องแยกกันอยู่แล้ว แต่เป็นฝ่ายนิโคลที่ทนไม่ไหว เว็บดูหนังฟรี 

รีวิวหนังฝรั่ง Marriage Story

หอบเฮนรีข้ามรัฐจากนิวยอร์กไปลอส แองเจลลิส ที่ ๆ ที่นางต้องไปถ่ายตอนไพลอตของซีรีส์เรื่องใหม่ แล้วอยู่ดี ๆ นางก็กลับใจจากตกลงแยกกันอยู่กลายเป็นการฟ้องหย่า ซึ่งนางก็ได้ นอรา (ลอรา เดิร์น) ทนายสาวเขี้ยวลากดินมาว่าความให้ แล้วยัยนอราก็เล่นงานชาร์ลีหนักมากจนในที่สุดจากคู่รักก็กำลังจะกลายเป็นคู่ร้าง

เรื่องถีงโรงถึงศาลเพื่อขอสิทธิเลี้ยงดูเฮนรี แต่ยิ่งต่อสู้กัน..สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับพวกเขาก็คือใจตัวเองนี่แหละ จนในที่สุดเราก็เริ่มเห็นทั้งคู่ค่อย ๆ บ่อนทำลายความสัมพันธ์ที่สร้างกันมาอย่างยาวนานด้วย อคติ ความหยิ่งผยอง จนเหตุผลที่เคยทำให้ทั้งคู่รักกันกลายเป็นข้ออ้างมาใช้ห้ำหั่นกันในคดีที่ไม่มีใครชนะแล้วมีความสุขอย่างแท้จริงเลยซักฝ่าย

Marriage Story (2019) คือภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ Noah Baumbach ผู้กำกับที่เคยสร้างเสียงหัวเราะแบบขื่นๆ ให้กับเราผ่านชีวิตเฉาๆ ของหญิงสาวนักเต้นใน Frances Ha (2012) มาคราวนี้ Baumbach พาเราไปสำรวจฉากชีวิตหลังแต่งงานของคู่รักชวนฝัน ชาร์ลี (Adam Driver) ผู้กำกับละครเวทีดาวรุ่ง กับนิโคล (Scarlett Johansson) อดีตดาราหนังวัยรุ่นที่ผันตัวมาเป็นนักแสดงละครเวที

ชาร์ลีกับนิโคลพบรักกันในวานวันที่ทั้งคู่ยังเยาว์วัย ฝ่ายหญิงเพิ่งจะโด่งดังในวงการบันเทิงใหม่ๆ ส่วนฝ่ายชายยังเป็นเพียงผู้กำกับละครเวทีโนเนมที่ไม่มีผลงานดังๆ เป็นของตัวเอง ในวันที่ชีวิตของชาร์ลียังอุดอู้แออัดอยู่ในนิวยอร์ก แต่ชีวิตของนิโคลกลับกำลังไปได้สวยในลอสแอนเจลิส

ทว่าด้วยไฟรักแผดเผาร้อนแรงของทั้งสองนิโคลตัดสินใจทิ้งอนาคต เลิกรับงานแสดง โยกย้ายสำมะโนครัวมาเริ่มต้นชีวิตใหม่กับชาร์ลีที่นิวยอร์ก ก่อนจะผันชีวิตมาสู่นักแสดงละครเวที นิโคลช่วยผลักดันคนรักอย่างเต็มที่กระทั่งในที่สุดเขาก็ได้ก้าวขึ้นเป็นผู้กำกับละครเวทีผู้โด่งดังสมใจ

เอาจริง ๆ หนังก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคอตรูมดราม่าหรือการต่อสู้ในชั้นศาลเหมือนหนังครอบครัวรักร้างเรื่องอื่นหรอก เพราะมันไปเน้น อารมณ์ ความรู้สึกของแต่ละฝ่ายมากกว่า อย่างฝ่ายนิโคลเอง นางก็พยายามจะไกล่เกลี่ย แต่อยู่ดี ๆ เอเจนต์นางก็แนะนำทางออกแบบเซฟตี้คัตด้วยการโยน นอรา

รีวิวหนังฝรั่ง Marriage Story

เข้ามาในสมการความสัมพันธ์ที่กำลังหมดลงครั้งนี้จนจากที่เคยต้องการให้ชาร์ลีย้ายมาอยู่ลอส แองเจลลิส เพื่อให้แบ่งเวลาดูแลเฮนรี กลายเป็นการฟ้องร้องเรียกค่าเลี้ยงดู ที่นางก็ไม่ต้องการแต่จำยอมให้ทนายดำเนินการตัดสัมพันธ์และขูดทรัพย์สินอีกฝ่ายเพื่อหวังเดินออกจากความสัมพันธ์และชีวิตที่เคยถูกครอบงำได้เร็วขึ้น

ส่วนตาชาร์ลี นี่ไม่รู้จะน่าสงสารดีหรือเปล่า เพราะนางเองก็มีชนักติดหลังเคยแอบกินเพื่อนร่วมงานจนกลายเป็นช่องให้ นอรา ใช้โจมตีได้ แต่แทนที่เราจะเกลียดนาง ในหนังเรากลับเห็นนางพยายามเดินทางจากนิวยอร์กมาใช้เวลาอยู่กับลูก แถมพยายามเอาใจลูกให้ดีที่สุด

ในขณะที่ก็ต้องบินกลับนิวยอร์กเพื่อหาเงินมาใช้สู้คดี แถมหลายโมเมนต์เรายังเห็นทั้งคู่ดูมีเยื่อใยให้กันอยู่ และ พยายามประคับประคองชีวิตครอบครัวให้ เฮนรี ไม่รู้สึกขาดพ่อหรือแม่ไป แต่ที่ยากที่สุดก็เรื่องตัดใจให้ไม่รักนี่แหละ โคตรยากเลย

เราชอบบทสนทนาที่พี่โนอาห์ บอมแบค เขียนมาก เป็นหนังคนเลิกกันที่แต่ละฝ่ายพยายามพูดแต่สิ่งดี ๆ ของกันและกัน เพื่อพยายามให้ “จบสวย” ทื่สุด แต่ในความสัมพันธ์แบบคนรัก มันจบสวยได้ด้วยหรือวะแก? แล้วที่สำคัญตอนจะรักกันแทบไม่มีเงื่อนไข แต่เวลาจะเลิกกัน..เหตุผลแม่งเยอะไปหมด

ในฝั่งนิโคลก็เอาเรื่องชาร์ลีไม่ยอมย้ายมาอยู่ลอส แองเจลลิสเป็นที่ตั้ง ส่วนชาร์ลีก็อ้างว่าเขาสร้างชื่อเสียงให้เธอในนิวยอร์กและพยายามสร้างครอบครัวที่นั่น แม้เหตุผลชาร์ลีจะดูเห็นแก่ตัวและเอางานเป็นที่ตั้ง แต่พอเป็นเรื่องครอบครัวเขากลับเลือก เฮนรี ก่อนนะเว้ย แต่จะโทษ นิโคล

ก็ไม่ถูก นางก็บอกตอนเล่นละครให้ชาร์ลี นางถูกละเลย หมดความสำคัญในขณะที่ลอส แองเจลลิส นางคือดาราเด่น และนางอยากจะกลับมาสร้างชื่อให้ตัวเอง ที่สำคัญคือนางอยาก “กำกับ” ผลงานที่ ชาร์ลี ไม่เคยให้โอกาสสักครั้ง ที่สำคัญนะไอ้เรื่องลอส แองเจลลิส กับ นิวยอร์ก

เนี่ยหนังเอามาอธิบายตัวละครได้โคตรเคลียร์เลยว่ะ เพราะในฝั่งลอส แองเจลลิส ทั้งทนายและนิโคลเองยกเรื่อง พื้นที่ ซึ่งก็ไม่ใช่พื้นที่อะไรหรอก คือพื้นที่ที่ให้นิโคลได้มีที่ยืนบ้าง ในขณะที่นิวยอร์กด้วยความเป็นเมืองที่ค่อนข้างหนาแน่น ชาร์ลี ก็มีแต่พื้นที่ของชาร์ลีที่ต้องมีเฮนรีและนิโคลอยู่ด้วย เมื่อพื้นที่ของฉัน ไม่ใช่พื้นที่ของเธอ ก็ยากจะอยู่ด้วยกันแหละเนอะ แกว่าเรื่องนี้ฟังดูคุ้น ๆ มั้ยวะแก?

แล้วชาร์ลีกับนิโคลก็มีลูกด้วยกัน เฮนรี่ (Azhy Robertson) คือชื่อของเด็กน้อยผู้โชคดีคนนั้น เด็กน้อยที่เติบโตขึ้นท่ามกลางพ่อแม่ที่ให้ความรัก ความอบอุ่นกับเขาอย่างเต็มที่ ชาร์ลีนั้นใส่ใจในรายละเอียด รักการได้เป็นพ่อคน อีกทั้งไม่เคยบ่นเมื่อลูกมาปลุกให้ไปนอนด้วยยามดึกดื่น

รีวิวหนังฝรั่ง Marriage Story

ส่วนนิโคลก็เป็นแม่ที่ห่วงใยความรู้สึก ทุ่มเวลากับเด็กน้อยอย่างเต็มที่ และรักที่จะตัดผมให้ลูกและสามีเมื่อเห็นว่ามันยาวเกินไป Marriage Story เริ่มต้นด้วยสารพัดเหตุผลว่า ทำไมเราถึงต้องรักสามีภรรยาคู่นี้ แต่แล้วภายในเวลาไม่ถึงแปดนาทีที่ตัวตนอันน่าหลงใหลของชาร์ลีกับนิโคลเบ่งบานในหัวใจคน

ดูบอมบัคก็ได้ถีบเราออกจากภาพของครอบครัวอบอุ่นชวนฝัน ด้วยการเปิดเผยความจริงว่า เรื่องราวของนิโคลกับชาร์ลีที่เราเพิ่งได้รับรู้ไป แท้จริงแล้วถูกบอกเล่าผ่านกระบวนไกล่เกลี่ยก่อนการหย่าร้าง ที่พยายามจะให้คู่รักที่กำลังจะเลิกกันได้นึกถึงความทรงจำดีๆ ของอีกฝ่ายเมื่อแรกตกหลุมรัก–ใช่ชาร์ลีกับนิโคลกำลังจะหย่ากัน

Marriage Story คือภาพยนตร์ที่ว่าด้วยกระบวนการหย่าร้างซึ่งไม่มีอะไรสวยงาม มันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ความโกรธเกรี้ยว และหยดน้ำตาที่ร่วงหล่นซ้ำๆ ร้ายไปกว่านั้นคือ เมื่อการตัดสินใจจะเลิกราระหว่างชาร์ลีกับนิโคลไม่ได้สิ้นสุดลงที่ข้อตกลงของพวกเขา

แต่กลายไปสู่การขึ้นโรงขึ้นศาล จากจุดเริ่มต้นของหนังที่เรียกร้องคนดูให้หลงรักตัวละครผ่านความทรงจำ ทว่าผ่านกระบวนการหย่าร้าง บอมบัคกลับค่อยๆ ลบล้างความทรงจำดีๆ ที่ทั้งสองเคยมีให้กัน Marriage Story เปิดเผยให้เราเห็นถึงด้านอัปลักษณ์ของอดีตคู่รัก

ที่แม้ว่าลึกๆ แล้วทั้งคู่อาจยังห่วงใยกันอยู่ แต่ต่อหน้าทนายความและชั้นศาล ความนึกคิดด้านบวกของพวกเขากลับถูกทุบทำลายลงไป ภาพอดีตอันหอมหวานถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นสมรภูมิสงครามที่สามีภรรยาจะคอยขุดคุ้ยพฤติกรรมแย่ๆ ของอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างมาดร้าย ยิ่งเมื่อชาร์ลีกับนิโคลต่างมีนิสัยเหมือนกันคือทั้งคู่เกลียดความแพ้พ่าย ยิ่งพอเป็นเกมของการหย่าร้างที่รางวัลของผู้ชนะคือสิทธิในการเลี้ยงดูลูกชาย ชาร์ลีกับนิโคลจึงงัดอุบายเพื่อหวังจะชนะอีกฝ่ายอย่างเต็มที่

โนอาห์ บอมบัค เริ่มเขียนบท Marriage Story ราวปี 2016 โดยวางตัว อดัม ไดรเวอร์ มารับบท ชาร์ลี หลังจากที่เคยร่วมงานกันมาตั้งแต่ Frances Ha (2012), While We’re Young (2014) และ Meyerowitz Stories (2017) พวกเขาใช้เวลาด้วยกันหลายเดือนในนิวยอร์ก

เพื่อที่จะสร้างคาแรกเตอร์ของตัวละครนี้ ส่วน สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน ได้เข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ช่วงแรกของโปรเจกต์ หลังจากที่โนอาห์ได้พบกับเธอในปี 2017 ระหว่างที่สการ์เล็ตต์กำลังอยู่ระหว่างการหย่าร้างครั้งที่ 2

“ตอนนั้นผมไม่แน่ใจว่า เธอจะสนใจบทนี้ไหม มันเหมือนกับว่าถ้าเธอไม่รัก เธอก็จะเกลียดมันไปเลย” ท้ายที่สุดการที่พวกเขาได้ร่วมงานกันกลับกลายเป็นการขุดค้นเข้าไปในเรื่องราวหนหลังของเธอ “10 เดือนของการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ อย่างหนึ่งที่ทำให้ฉันเดินหน้าต่อไปคือ การได้รู้ว่าฉันทำอะไรที่ท้าทายได้มากกว่าที่คิด”

การแสดงของ อดัม ไดรเวอร์ นั้นยอดเยี่ยม มันคือความเป็นธรรมชาติที่เขามอบให้ตัวละคร ชาร์ลี ผู้กำกับละครเวทีที่เก่งกาจ ชายผู้เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน ครอบครัวภรรยา พ่อที่มีระบบระเบียบ มีสมุดโน้ตอยู่ติดตัวตลอดเวลา สายตาที่ลึกซึ้งแสดงถึงความรัก ความกลัว ความห่วงหาภรรยา

กระทั่งฉากระเบิดอารมณ์ที่ทั้งคู่ใช้เวลาถ่ายทำ 2 วันเต็มๆ ก็ทำให้เราเชื่อเต็มหัวใจว่า นี่แหละคือความรักแท้ๆ ความรักที่รู้จักกันและกัน รู้จักข้อบกพร่องของกันและกันดีเกินกว่าจะอยู่ร่วมกันได้ จนต้องยอมปล่อยมือ

สำหรับ สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน เธอสลัดภาพสาวเซ็กซี่มาเป็นตัวละคร นิโคล ผู้หญิงที่ต้องการตัวตนของตัวเองคืนมา หลายครั้งหลายหนสายตาของเธอทำให้เรารับรู้ได้ถึงความรักที่นิโคลยังคงมีต่อชาร์ลี ซึ่งมันได้เปลี่ยนสถานะจากการเป็นเจ้าของ ครอบครอง ยอมตาม ไปสู่ความรักที่เรามอบให้ใครสักคนที่รักอย่างบริสุทธิ์ใจ

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *