รีวิวหนังฝรั่ง King Richard

King Richard เป็นเรื่องราวของ ริชาร์ด วิลเลียมส์ คุณพ่อของ 2 นักกีฬาผู้มีพรสวรรค์ในกีฬาเทนนิส เขาได้วางแผนที่จะพา วีนัส และ เซเรน่า ไปสู่เส้นทางความสำเร็จบนอาชีพนักกีฬาเทนนิสมืออาชีพ ด้วยการพากันออกจากย่านคอมป์ตัน รัฐแคลิฟอร์เนีย ไปสู่การเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงระดับตำนานของโลก รีวิวหนังฝรั่ง King Richard ด้วยพลังความศรัทธาและพยายาม รวมทั้งความเชื่อมั่นที่นำไปสู่ความสำเร็จที่ส่งอิทธิพลไปทั่วทั้งโลก รีวิวหนังฝรั่ง

ไม่ว่าใครๆ ที่เกิดมาใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้อย่างน้อยสักสามสิบปีก็น่าจะรู้จักนักเทนนิสสองพี่น้องที่ก้าวขึ้นมาอันดับหนึ่งของโลกอย่าง วีนัส และเซเรนา วิลเลียมส์ กันอย่างแน่นอน เธอคือนักเทนนิสเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกันที่ก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่ท่ามกลางบรรดานักเทนนิสผิวขาว เรื่องราวเบื้องหลังความสำเร็จนั้นได้ถูกถ่ายทอดไว้แล้วในหนังเรื่อง King Richard ซึ่งมีชื่อไทยว่า คิง ริชาร์ด ที่นายแพทจะหยิบมาบอกเล่ากันในวันนี้ ดูหนัง 

หนังเรื่องนี้ได้ผู้กำกับหนุ่มดาวรุ่ง “เรนัลโด มาร์คัส กรีน” (จาก Joe Bell) ให้มาดูแลรับหน้าที่งานสร้างให้ โดยที่มีนักเขียนบทมือใหม่น่าจับตามอง “แซ็ก เบย์ลิน” ที่เขียนงานหนังเรื่องแรกก็ทำได้ดี ด้วยการกลั่นกรองเรื่องราวของริชาร์ด ผู้ที่เป็นทั้งพ่อ ทั้งโคช ให้กับเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังมองหาฝันและโอกาสที่จะเป็นไปได้ งานบทของแซ็กถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างน่าพอใจ เป็นงานออริจินัลที่น่าทึ่งกับผลงานชิ้นแรกของเขา และไม่แปลกใจเลยที่ต้องมีชื่อเข้าชิงออสการ์ ดูหนังออนไลน์

หากว่าคุณจะมาดูหนังดราม่าแนวกีฬาจ๋าๆ กับเรื่องนี้ก็คงจะไม่ใช่ เพราะว่าหนังคือการสดุดีและเชิดชูผู้ที่อยู่เบื้องหลัง วีนัส กับ เซเรน่า เป็นหลัก และแกนหลักของเรื่องก็ถือฉายแสงไปที่ริชาร์ด ที่รับบทโดย “วิล สมิธ” เป็นหลัก หนังเรื่องนี้จึงเล่าออกมาเป็นลำดับขึ้น ไม่เร็วเกินไป แต่ก็ไม่ได้ช้าเกินไป เป็นการใส่พลังความดราม่าเข้าไปเรื่อยๆ ในจังหวะที่กำลังกลมกล่อมพอดี และร้อยเรียงเรื่องราวที่พวกเขาต้องผ่านมากว่าจะถึงประสบความสำเร็จ ดูหนังฟรี 

เรียกว่ามีมาให้ดูกันไม่บ่อยครับ สำหรับหนังชีวประวัติ หรือ Biopic ที่สร้างขึ้นจากชีวประวัติคนดัง และที่สำคัญคือ เป็นชีวประวัติของนักกีฬา แต่สิ่งที่ทำให้ ‘King Richard’ หรือชื่อไทยตรงตัว ‘คิงริชาร์ด’ มีความแตกต่างออกไปก็คือ หนังเรื่องนี้ไม่ได้เล่าชีวประวัติของนักกีฬาเท่านั้น เว็บดูหนัง 

แต่หนังพาเราไปสำรวจเบื้องหลัง บทเรียน และแรงบันดาลใจของผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จระดับโลกของ ‘วีนัส วิลเลียมส์’ (Venus Williams) และ ‘เซเรนา วิลเลียมส์’ (Serena Williams) ซึ่งเบื้องหลังของเธอทั้งคู่ก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็นคุณพ่อผู้เข้มงวดอย่าง ‘ริชาร์ด วิลเลียมส์’ (Richard Williams) นั่นเอง เว็บดูหนังฟรี 

รีวิวหนังฝรั่ง King Richard

แน่นอนว่าองค์ประกอบที่โดดเด่นของ King Richard ก็ถือการแสดงนั่นเอง วิล สมิธ แบกรับหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้อยู่หมัด เขาเดินหมากในหนังเรื่องนี้ได้อย่างทรงพลัง เป็นการแสดงที่ให้ความรู้สึกยิ่งใหม่ แม้ว่าจะถ่ายทอดในลักษณะน้อยแต่มาก แต่กลายเป็นว่าเข้าสามารถแทรกซึมและเข้าถึงบทบาทของริชาร์ดได้อย่างใกล้เคียงความเป็นจริง ไม่ว่าจะการแสดงออก ท่าทาง และสำเนียงการพูด

และนั่นก็ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า หรือนี่จะถึงแก่จังหวะเวลาแล้วที่ วิล สมิธ ควรค่าแก่การจะได้มีตุ๊กตาออสการ์เอาไว้ในครอบครองสักที หลังจากที่เคยเขาเคยเข้าชิงมาได้ 2 ครั้ง และทิ้งห่างไปจากคราวก่อนไปถึง 15 ปีแล้ว แม้ว่าเขาจะเป็นตัวเต็งที่โดดเด่นในปีนี้ แต่ก็เป็นอีกปีที่ยังมีนักแสดงเรื่องอื่นที่มีความโดดเด่นสูสีใกล้เคียงกับเขา (หมายถึง เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ จาก The Power of the Dog) กลายเป็นว่าปีนี้ ออสการ์นักแสดงชายเป็นรางวัลที่ท้าทายมากเลยทีเดียว

โดย ‘King Richard’ ได้นักแสดงเจ้าบทบาทที่เชื่อฝีมือได้อย่าง ‘วิลล์ สมิธ’ (Will Smith) มารับบท ‘ริชาร์ด วิลเลียมส์’ พร้อมควบตำแหน่งโปรดิวเซอร์ร่วม และได้ ‘เรนัลโด มาร์คัส กรีน’ (Reinaldo Marcus Green) ผู้กำกับ ‘Monsters and Men’ (2018) มากำกับ

และพอออกฉาย หนังเรื่องนี้ก็หวดแรงจนได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 94 ประจำปี 2022 มากถึง 6 สาขา ได้แก่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (วิลล์ สมิธ เข้าชิงครั้งที่ 3), นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม,เพลงประกอบดั้งเดิมยอดเยี่ยม, ตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม จากผลงานบทภาพยนตร์ของ ‘แซ็ก เบย์ลิน’ (Zach Baylin) ที่ประเดิมงานเขียนบทหนังใหญ่เป็นครั้งแรก

อีกคนที่เฉิดฉายไม่แพ้กันก็คือ “อวนจานู เอลลิส” ในบท แบรนดี้ ภรรยาของริชาร์ด ที่ให้การแสดงที่น้อยแต่มากเช่นเดียวกัน แต่ทุกซีนของเธอนั่นช่างทรงพลังเหลือเกิน และเป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่อาจจะประมาทฝีมือทางการแสดงไปได้เลย จึงไม่ได้น่าแปลกใจที่นักแสดงทั้งสองคนนี้จะจับมือกันเข้าชิงรางวัลบนเวทีต่างๆ ควบคู่กันไปในปีนี้ เพราะผลลัพธ์ทางการแสดงของทั้งคู่ถือว่าเข้าขั้นดีเยี่ยม

แต่จะไปแล้ว ความยาวของหนังเรื่องก็เป็นอุปสรรคอยู่ไม่น้อย เพราะหนังมีความยาวเกือบจะ 150 นาทีทีเดียว เมื่อดูไปเรื่อยๆ อาจจะทำให้รู้สึกเดินเรื่องช้าไปบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าทุกรายละเอียดของหนังก็ถือว่าใส่เข้ามาในจังหวะที่ควรแก่และจำเป็นดีแล้ว ไม่ค่อยพบจุดที่ทำให้รู้สึกเยิ่นเย้อสักเท่าไหร่ กลายเป็นหนังดราม่ากีฬาที่ผสมผสานความเป็นหนังครอบครัวเข้าไปเป็นองค์ประกอบ

รีวิวหนังฝรั่ง King Richard

‘King Richard’ เป็น Biopic ที่เกี่ยวกับกีฬาก็จริง แต่ตัวหนังส่วนใหญ่จะเน้นเล่าไปที่ประเด็นของครอบครัววิลเลียมส์ทั้ง 7 คนที่อาศัยอยู่ในย่านคอมป์ตัน รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่เต็มไปด้วยอาชญากรรมและยาเสพติดซะมากกว่า ครอบครัวนี้ประกอบไปด้วย ‘ริชาร์ด วิลเลียมส์’ (Will Smith)

คุณพ่อผู้ทำงานเป็น รปภ. กะดึก และ ‘ออราซีน วิลเลียมส์’ (Aunjanue Ellis) ผู้เป็นภรรยาและแม่ของลูกสาวทั้ง 5 คน ซึ่งประกอบไปด้วยพี่น้องคนสุดท้องอย่าง ‘วีนัส วิลเลียมส์’ (Saniyya Sidney) และ ‘เซเรนา วิลเลียมส์’ (Demi Singleton) และพี่สาวของพวกเธออีก 3 คนเป็นพี่สาวต่างมารดา

วีนัสและเซเรนามีพรสวรรค์ด้านกีฬาเทนนิส พ่ออย่างริชาร์ดจึงทุ่มสุดตัวในการสอน แม้ว่าจะต้องอดนอนกลางวัน โดนนักเลงแถวคอร์ตรุมสกรัม หรือแม้แต่วันที่ฝนตก เพียงเพื่อหวังให้ลูก ๆ ใช้กีฬาในการนำพาตัวเองออกไปจากย่านเสื่อมโทรมและวิถีชีวิตแบบเดิม ๆ ให้ได้

โดยภาพรวมแล้ว King Richard ก็ถือว่าเป็นหนังดราม่าชีวประวัติที่น่าพอใจในระดับที่ดี มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นหนังรางวัลระดับแถวหน้า แต่เพราะความทรงพลในเนื้อเรื่องได้ช่วยผลักดันให้หนังกลายเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว จึงทำให้หนังดูสร้างออกมาเพื่อหวังรางวัลโดยเฉพาะและอาจจะอยู่ในพื้นที่เซฟโซนมากเกินไป เมื่อลองเทียบกับหนังคู่แข่งขันเรื่องอื่นๆ

แต่ King Richard ก็ทำหน้าที่และตอบโจทย์ของหนังได้เป็นอย่างรู้หน้าที่ เป็นหนังดราม่าที่เต็มไปด้วยการแสดงที่ทรงพลัง แม้ว่าโดยรวมแล้วนั้นอาจจะยังไม่ค่อยเป็นที่น่าจดใจสักเท่าไหร่นัก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม วิล สมิธ ก็ถือความดีงามอันเป็นที่สุดในหนังเรื่องนี้ และเราก็สนับสนุนและเชียร์ให้เขาได้มีโอกาสจับรางวัลกลับบ้านอันเป็นสัญลักษณ์สูงสุดในอาชีพนักแสดงของเขาสักที

รีวิวหนังฝรั่ง King Richard

และด้วยความไม่ย่อท้อ เฟื่องฝัน และทะเยอทะยานของริชาร์ดนี่แหละ ที่ทำให้เขา “วางแผน” เส้นทางการฝีกฝนกีฬาเทนนิสให้กับทั้งคู่ ริชาร์ดพยายามจะเข้าหาโค้ชที่มีฝีมือเพื่อหวังจะปั้นให้ลูก ๆ เก่งขึ้น แต่สุดท้ายก็โดนปฏิเสธนับครั้งไม่ถ้วน รวมถึงการฝึกด้านวินัยเล็ก ๆ น้อย ๆ

แก่ลูกทั้งห้าคนอย่างเข้มงวด แม้ว่าบางครั้งจะดูงี่เง่าในสายตาคนภายนอกไปบ้าง ซึ่งพาร์ตความเฟื่องฝันทะเยอทะยานของริชาร์ตนี่ จะว่าไปก็ชวนให้นึกถึง ‘คริส’ ในหนัง ‘The Pursuit of Happyness’ (2006) อยู่เหมือนกันนะครับ

เพราะแม้ริชาร์ดเองจะมีมุมของความเป็นพ่อที่น่ารัก อารมณ์ดี ชอบยิงมุกใส่ลูก ๆ ให้กำลังใจ สั่งสอนและลงโทษลูกด้วยวิธีการละมุนละม่อม เป็นพ่อแบบที่ชอบถามข้อคิดหลังดูการ์ตูนจบ อะไรแบบนั้น ในแง่ของการฝึกเทนนิส ริชาร์ดเน้นการฝึกที่เคร่งครัดทุกกระเบียดนิ้ว

แต่ไม่เอาเป็นเอาตาย ยังให้ความสำคัญกับการเรียน มีวันให้พักผ่อน เล่นสนุกแบบเด็ก ๆ เน้นให้เล่นเทนนิสเพื่อความสนุก แต่เทคนิกก็ต้องเป๊ะ มีน้ำใจนักกีฬา ให้เกียรติฝ่ายตรงข้าม ไม่เอาของใครแบบฟรี ๆ ชนะก็ไม่เหลิง ถึงคราวแพ้ก็ไม่เสียใจนาน แต่ต้องเรียนรู้เพื่อเตรียมพร้อมในแมตช์ต่อไปเสมอ

แต่ที่บอกว่าเป็น Evil ก็เพราะว่าริชาร์ดก็คือ “คิง” ดี ๆ นี่เอง เพราะเขาเองเป็นคนพูดตรง พูดมาก เจ้าระเบียบ ดื้อสุดขอบ หุนหันพลันแล่น อีโก้จัด คิดแทนคนอื่นโดยไม่ถามความเห็น และยึดมั่นใน “แผน” เชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเองและลูก ๆ ทั้งสองคนของตัวเองแบบสุดโต่ง

ซะจนลูก ๆ ภรรยา หรือ ‘ริก มัคชี’ (Jon Bernthal) โค้ชของวีนัสที่ยอมทุ่มเงินพาครอบครัวย้ายมาฝึกที่ฟลอริดา แถมหาโอกาสในอาชีพให้อีกมากมาย ก็ยังโดนริชาร์ดปฏิเสธ (แบบคิดเองเออเอง) หน้าตาเฉย เพราะคิดว่าวีนัสยังไม่ได้พิสูจน์ฝีมือที่สมควรแก่การได้รับ หรือแม้แต่แผนการปฏิเสธการแข่งขันระดับเยาวชน และเก็บตัวฝึกเพื่อหวังไปเทิร์นโปรเลย ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่บ้าและเสี่ยงมากสำหรับเส้นทางอาชีพนักกีฬาเทนนิส ฯลฯ เล่นเอาคนรอบข้างหัวจะปวดกับคิงริชาร์ดไปตาม ๆ กัน

รีวิวหนังฝรั่ง King Richard

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *