รีวิวหนังฝรั่ง Everest เอเวอเรสต์ ไต่ฟ้าท้านรก
รีวิวหนังฝรั่ง Everest เอเวอเรสต์ ไต่ฟ้าท้านรก หนังที่สร้างจากเรื่องจริงของโศกนาฏกรรมบนเทือกเขาที่สูงที่สุดในโลกอย่าง เอเวอเรสต์ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นนำทีมโดย Rob Hall หัวหน้าไกด์ประจำทริป และเพื่อนๆของเขาอย่าง Guy Cotter , Andrew “Andy” Harris และ Michael Groom ที่ต้องนำลูกทัวร์ขึ้นไปปีนเขา เอเวอเรตต์ในปี 1996 แต่แล้วพวกเขาต้องพบเจอกับพายุหิมะครั้งที่รุ่นแรงที่สุด จึงทำให้เกิดโศกนาฏกรรมสุดเลวร้ายหรือเราเรียกเหตุการณ์นี้ว่า 1996 Mount Everest disaster ซึ่งทำให้นักปีนเขาเสียชีวิต 8 คนจากนักปีนเขาที่ขึ้นไปในวันนั้น 17 คน ดูหนัง
คำว่าจุดสูงสุดของชีวิตคนเราอาจ แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ นามธรรม (จับต้องไม่ได้) อาทิ ความสำเร็จในหน้าที่การงาน การมีชื่อเสียงโด่งดัง รํ่ารวยล้นฟ้า ตามแต่นิยามและการให้ความสำคัญของแต่ละบุคคล กับ รูปธรรม (จับต้องได้) เช่นการพาตัวเองไปยังที่สูงๆ อาจจะเป็น บนตึกระฟ้า บนเครื่องบิน บนอวกาศ หรือ บนยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกอย่าง เอเวอเรสต์
จุดหมายสุดท้าทายของนักผจญภัยทุกชาติ สถานซึ่งนักปีนเขาทั่วโลกอยากขึ้นไปพิชิตสักครั้งหนึ่งในชีวิต เพื่อที่จะได้จารึกชื่อไว้ว่า สามารถใช้สองขาเดินขึ้นไปยังจุดสูงสุดของโลกใบนี้ได้
อุปสรรคของการขึ้นไปบนยอดเขาเอเวอเรสต์มีหลายอย่าง นอกจากจะต้องใช้เงินหลายล้าน เวลาหลายเดือนในการเตรียมตัว การอดทนต่อความยากลำบาก สิ่งที่นักปีนเขาต้องเอาไปวางเดิมพันในการไต่ไปแตะขอบฟ้าก็คือ ชีวิตของพวกเขา (สถิติขาขึ้น 10 คน ต้องมีคนตาย 1 คน ส่วนขาลงทุก 6 คน จะมีคนตาย 1 คน) ดูหนังออนไลน์
ดังนั้นคนที่จะปีนเขาเอเวอเรสต์ ต้องเป็นคนรวยที่มีเวลาว่าง แถมยังบ้านิดๆด้วย พวกเขาไม่ได้ต้องการชื่นชมภูเขาจากการมองขึ้นไปเหมือนคนอื่น แต่พวกเขาอยากขึ้นไปยืนมองลงมา
ภาพยนตร์ Everest สร้างจากเหตุการณ์จริงในปี 1996 ที่นักปีนเขาสองกลุ่มพบกับพายุหิมะครั้งร้ายแรงที่สุดบนยอดเขา เอเวอเรสต์(สูงเหนือระดับน้ำทะเล 29,029 ฟุต เท่ากับ 8,848 เมตร หรือระยะบินของเครื่องโบอิ้ง 747) ทำให้มีผู้เสียชีวิตครั้งเดียวมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยหนังยังได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือ Into Thin Air ของ จอน คราเคาเออร์ และ Left for Dead: My Journey Home from Everest ของ เบ็ค เวทเธอร์ส ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของผู้รอดชีวิตและผู้สูญเสีย
หนังโฟกัสไปที่ ร็อบ ฮอลล์ (เจสัน คลาร์ก) นักปีนเขามือหนึ่งชาวนิวซีแลนด์ ผู้ชายคนแรกที่พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้ถึง5ครั้ง เขาผันตัวมาเป็นหัวหน้าทีมสำรวจ Adventure Consultants ที่รับจัดทริปพานักปีนเขาขึ้นไปยังจุดสูงสุดของโลก ซึ่งงานสำคัญกว่าของการขึ้นไปคือพาทุกคนให้รอดชีวิตกลับลงมา
ตอนนั้น คณะของเขามีทั้ง นักข่าวที่อยากได้ประสบการณ์ไปเขียนงาน บุรุษไปรษณีย์ที่ทำเพื่อเด็กๆ ชายอเมริกันซึ่งมีปัญหาครอบครัว และ นักปีนเขาสาวชาวญี่ปุ่นผู้รอประกาศชื่อว่าเป็นผู้พิชิต 7 ยอดเขา จาก 7 ทวีปของโลก เรียกว่าต่างที่มา ต่างเหตุผล แต่จุดหมายเดียวกัน
จากนั้นคนดูไปสัมผัสกับความน่ากลัวของหนึ่งในสถานที่อันตรายที่สุดบนโลก สร้างบรรยากาศความโหดร้ายของธรรมชาติที่ไม่อาจคาดเดา ขณะเดียวกันก็ถ่ายทอดหัวจิตหัวใจ การต่อสู้ ดิ้นรน เอาชีวิตรอดของมนุษย์ตัวเล็กๆที่หาญกล้าท้าทายอำนาจของภูเขาลูกใหญ่ รวมถึงสะท้อนความทะเยอทะยาน ความบ้าบิ่น ของคนกลุ่มหนึ่ง ที่ทำสิ่งซึ่งตนเองคิดว่ามีความหมายขนาดยอมเอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยง แน่นอนว่ามีการตั้งคำถามเช่นกันว่ามันคุ้มค้าหรือเปล่า
ช่วงครึ่งแรกหนังดำเนินไปแบบเอื่อยๆ มาพีคเอาครึ่งหลัง ดนตรีประกอบช่วยปลุกเร้าอารมณ์คนดูได้ดี การถ่ายภาพสวยงาม โลเคชั่นสมจริง ให้ความรู้สึกหนาวยะเยือกออกมาจากจอ ส่วนการแสดงถึงจะเป็นหนังรวมดาวที่มีดาราฮอลลีวู้ดมากมาย ทว่า เจสัน คล้าก ในบท ร็อบ ฮอลล์ ช่วงชิงความโดดเด่นมาได้ เขาเล่นได้ดีเหมาะกับการเป็นตัวละครนำ ทำให้ผู้ชมเชื่อได้ว่าเขาคือนักปีนเขาอาชีพจริงๆ การรับส่งบทดราม่ากับ เคียร่า ไนท์ลี่ย์ ซึ่งแสดงเป็น เจน ภรรยาของ ร็อบ ก็ยอดเยี่ยม
อีกคนที่น่าสนใจคือ จอช โบรลิน กับบท เบ็ค ตัวแทนอเมริกันชนผู้ล้มเหลวในชีวิตจึงต้องการทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อให้ได้การยอมรับ ขณะที่ เจค จิลเลนฮาล ที่แสดงเป็น สก็อต ฟิชเชอร์ จัดจ้านพอจะขโมยซีนได้ทุกฉากที่ปรากฏตัว มีเพียง แซม เวิร์ธธิงตัน ในบท กาย เพียงคนเดียวซึ่งไม่ค่อยได้แสดงพลังเท่าไหร่ จึงดูคล้ายกับเป็นแค่นักแสดงสมทบ ดูหนังฟรี
แม้คุณจะรู้บทสรุปของ Everest ก็ยังคงลุ้นสนุกอยู่(ถ้าไม่รู้มีเซอร์ไพรส์ตอนท้าย) เนื้อหาหนังมีสาระ ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย พร้อมกับแฝงประเด็นปรัชญาความหมายของชีวิต ผ่านการจำลองบททดสอบขีดจำกัดทางร่างกายมนุษย์ แน่นอนว่าสิ่งนี้เราทุกคนต่างมีไม่เท่ากัน
รีวิวหนังฝรั่ง Everest เอเวอเรสต์ ไต่ฟ้าท้านรก
เรื่องราวของสองกลุ่มนักปีนเขาที่กำลังเดินทางไปพิชิตยอดเขาที่สูงที่สูงที่สุดในโลกอย่างเอเวอเรสต์ แต่พวกเขาต้องพบเจอกับพายุหิมะครั้งที่ร้ายแรงที่สุดเท่าที่เคยพบมาในเทือกเขาเอเวอเรตต์ ความกล้าหาญของพวกเขาจึงถูกทดสอบด้วยสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติอันร้ายแรง และเกิดเป็นอุปสรรค์ต่างๆนานาที่ทำให้พวกเขาทั้งหมดต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด จากเทือกเขาสุดอันตรายแห่งนี้
เปิดเรื่องมาหนังจะพาเราจะรู้จักตัวละครต่างๆของเรื่องแต่จะเน้นไปที่หัวหน้าไกด์อย่าง Rob Hall (นำแสดงโดย Jason Clarke) ผู้ที่เคยพิชิตเทือกเขาเอเวอเรตต์มาแล้ว ได้นำลูกทัวร์ของเขาไปพิชิตเทือกเขาเอเวอเรตต์ที่เป็นเทือกเขาที่สูงที่สุดในโลก ซึ่งช่วงแรกของหนังนั้นค่อนข้างเอื้อยๆ แต่ไม่น่าเบื่อเลยเพราะเป็นช่วงแนะนำตัวละครต่างๆ แต่พอหนังไปถึงจุดตั้งแค้มป์คือดีมากทั้งมุมกล้อง หรือแม้กระทั่ง CGI ของหนังทำออกมาได้สวยและสมจริงมาก มีฉากหวาดเสียวชวนคนดูระทึกเป็นระยะๆ อีกด้วย
ส่วนช่วงพีคของหนังคือช่วงที่พวกเขางลงจากเทือกเขาที่สูงกว่าสองหมื่นเก้าพันฟุตพร้อมเอาชีวิตรอดจากพายุหิมะครับ ซึ่งมันบีบหัวใจคนดูมาก เพราะมัน Bese on True Story อะเนอะ
หนังยังสร้างความผูกพันของตัวละครกับคนดูได้ดีอีกด้วย โดยหนังจะเล่าไปถึงความฝันในการมาพิชิตเอเวอเรตต์ในครั้งนี้ของแต่ละคน ยิ่งพาคนดูอย่างเราๆเอาใจช่วยให้พวกเขานั้นทำสำเร็จอีกด้วยครับ เว็บดูหนัง
นอกจากนั้นหนังได้เล่าในแง่มุมของการเป็นหัวหน้าไกด์สาย Adventure ได้ดีจริงๆ ซึ่งการทัวร์แบบนี้การตัดสินใจของไกด์คือสิ่งสำคัญที่สุดในการเดินทางครับ ซึ่งการตัดสินใจผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจจะส่งผลกระทบอันใหญ่ยิ่งได้เลยครับ ยิ่งบวกกับเจอสภาพอากาศที่เลวร้าย ยิ่งแย่เข้าไปอีก ซึ่งการที่คนๆหนึ่งจะไปปีนเขาเอเวอเรตต์ได้นั้นต้องมีทั้งประสบการณ์ที่มากและต้องมีเงินมากด้วยเช่นกัน
Rob Hall (Jason Clarke จาก Terminator Genisys, Zero Dark Thirty, Dawn of the Planet of the Apes) ผู้ก่อตั้ง Adventure Consultants เป็นหัวหน้าไกด์ทัวร์ประจำทริป พร้อมกับเพื่อนๆ ได้แก่ Guy Cotter (Sam Worthington จาก Avatar, Clash of the Titans, Kidnapping Mr. Heineken), Andrew “Andy” Harris (Martin Henderson จาก The Ring) และ Michael Groom (Thomas M. Wright) นำพาลูกค้าราวสิบชีวิตไต่ฟ้าขึ้นไปพิชิตเทือกเขาเอเวอเรสต์ภายในวันที่ 10 พ.ค. 1996
สมาชิกประจำทริป ได้แก่ Beck Weathers (Josh Brolin จาก No Country for Old Men, Sicario, Wall Street)
, Doug Hansen (John Hawkes จาก American Gangster, Lincoln), Jon Krakauer (Michael Kelly จาก Now You See Me), Yasuko Namba (Naoko Mori), Lou Kasischke (Mark Derwin), John Taske (Tim Dantay), และ Stuart Hutchison (Demetri Goritsas)
ปัญหาคือ ช่วงวันเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่ทัวร์แน่นมากเป็นพิเศษ และสภาพอากาศก็ดูไม่ปกติ Rob Hall จึงจับมือกับ Scott Fischer (Jake Gyllenhaal จาก Nightcrawler, Source Code, Enemy, Southpaw) หัวหน้าไกด์ทัวร์ทีม Mountain Madness
แต่สุดท้ายพวกเขาก็มีเหตุขัดข้องทำให้ไปถึงยอดเขาล่าช้ากว่ากำหนดและลงมาไม่ทันพายุหิมะ ออกซิเจนก็ไม่พอ พวกเขาก็พยายามเอาตัวรอดและช่วยเหลือซึ่งกันและกันลงมาที่ Base Camp ซึ่งมีผู้จัดการทีม Helen Wilton (Emily Watson จาก War Horse) คอยช่วยประสานงานระหว่างกลุ่ม รวมถึงโทรติดต่อกับทางครอบครัวของผู้เดินทาง
โดย Rob Hall มี Jan (Keira Knightley จาก The Imitation Game, Pirates of the Caribbean, Begin Again) ภรรยาสาวท้องแก่นอนรออยู่ที่บ้าน ส่วน Beck Weathers ก็มีลูกๆ และ Peach (Robin Wright จาก Forrest Gump) อดีตภรรยาคอยรอฟังข่าวอย่างกระวนกระวายอยู่ที่เท็กซัส เว็บดูหนังฟรี
ช่วงแรกของหนัง Everest ค่อนข้างชวนง่วงนิดหน่อย เหมือนดู National Geographic และมีการแนะนำตัวละครหลักแต่ละตัวอย่างบรีฟๆ และรวดเร็ว จนนี่แอบงง ตามไม่ทัน จำไม่ค่อยได้ว่าใครเป็นใคร ยกเว้นสาวญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์ทั้งชื่อและหน้า (และเพศ) ทั้งๆ ที่ดาราในเรื่องก็เด่นๆ ดังๆ เป็นที่รู้จักคุ้นหน้ากันทั้งนั้น