รีวิวหนังฝรั่ง Project Power
เม็ดยาลึกลับที่หากรับประทานเข้าไป จะมีพลังวิเศษที่คาดเดาไม่ได้ ภายใน 5นาที หนังฟรี กลับส่งผลต่อบ้านเมืองและอาชญากรรมเป็นอย่างมาก นายตำรวจ แฟรงค์ (รับบทโดย Joseph Gordon-Levitt) และคู่หู เทซรี่ (รับบทโดย Kyanna Simone Simpson) จึงต้องร่วมมือกันต่อสู้กับเหล่าแกงค์อาชาญกรรม และสืบหาต้นตอของแหล่งผลิตเม็ดยาแห่งนี้เพื่อหยุดยั้งอีกด้วย ดูหนังออนไลน์ฟรี 2022
ทว่าในแง่เรื่องราวมวลรวม หนังเล่นท่าพื้นฐานมากพอสมควร มากเสียจนเนื้อหาอาจ หนังใหม่ ไม่ใช่จุดเด่นที่ดึงดูดให้เราอยากติดตามเรื่องราว เพราะนับแต่เปิดเรื่องก็แทบเฉลยทันควันว่าพลังเหนือมนุษย์ทั้งหลายแหล่ต่อไปนี้เกิดจากยาลึกลับที่เรือนาม เจเนซิส นำมาปล่อยให้แก๊งค้ายาในเมืองนิวออร์ลีนไปทดลองแบบฟรี ๆ และเพียงครึ่งทางของหนังก็เฉลยถึงเหตุจูงใจของเหล่าตัวร้ายที่อยู่เบื้องหลังเสียแล้ว ดูหนัง เรียกว่าทำลายมู้ดแบบหนังสืบสวนแนวตำรวจปราบแก๊งค้ายาที่วางไว้ดิบดีไปง่าย ๆ แถมเหตุผลที่ว่าก็ไม่ได้เกินคาดแปลกประหลาดใจแต่อย่างใด ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่มีโฆษณา
ทั้งที่ภารกิจของเหล่าตัวเอกในฐานะตัวแทนสายตาผู้ชมไม่ว่าจะเป็น โรบิน เด็กสาวผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นแร็ปเปอร์แต่ฐานะทางบ้านปิดบังโอกาสเลยจำต้องมาแจกจ่ายยาพาวเวอร์จากญาติของตัวเอง และบังเอิญต้องมาพัวพันกับ อาร์ต อดีตทหารที่ออกตามหาลูกสาวซึ่งถูกลักพาตัวไป จนตามรอยมาถึงแก๊งค้ายาที่ญาติของโรบินเป็นสายส่ง ดูหนังออนไลน์ และสุดท้าย แฟรงก์ ตำรวจสายขบถแห่งนิวออร์ลีนที่เชื่อว่าการปราบอาชญากรที่มีพลังพิเศษต้องใช้วิธีเกลือจิ้มเกลือ ดูหนังฟรี ทำให้เขาเข้ามาใกล้ชิดกับโรบินในที่สุด เส้นเรื่องใหญ่จึงเป็นการที่อาร์ต ดูหนัง ออกตามสืบหาลูกสาวโดยมีโรบินและแฟรงก์ติดร่างแหเข้ามาจนกลายเป็นทีมเฉพาะกิจที่ต้องปะทะกับเหล่าผู้มีพลังพิเศษ ขยายวงไปถึงองค์กรข้ามชาติที่ทำการทดลองยาพาวเวอร์ ไม่มีอะไรซับซ้อนไปจากนี้ ดูหนังออนไลน์
รีวิวหนังฝรั่ง Project Power พลังลับพลังฮีโร่
เป็นเรื่องราวของยาลึกลับตัวใหม่ ที่สามารถปลดปล่อยพลังที่เหนือชั้นกว่ามนุษย์จะทำได้ โดยยาตัวนี้ไม่มีใครรู้ว่าจะออกฤทธิ์กลายมาเป็นพลังใด แต่จะเวลาที่จะใช้พลังนั้นได้ 5 นาทีต่อการใช้ยาแต่ละเม็ด หากใช้ยาเกินขนาดก็อาจจะส่งผลลัพธ์ที่น่าสยองขวัญกับตัวเองได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลงานที่เมืองทั้งเมืองกลายเป็นความโกลาหล ยาทำให้อัตราอาชญากรรมในนิวออร์ลีนส์พุ่งสูง เพราะใครๆ ก็อยากจะได้ยานี้มาครอบครอง
ยานี้ยังทำให้ แฟรงก์ ตำรวจประจำเมือง, อาร์ต อดีตทหารที่เก็บซ่อนความแค้นที่รุนแรงไว้ในใจ และ โรบิน เด็กสาวผิวสีที่เป็นคนเดินยา ต้องมาข้องเกี่ยวพัวพันกับการออกตามหากลุ่มที่ต้องการหาผลประโยชน์และหวังจะใช้ยานี้ในการมอมเมาประชากร และยิ่งทำให้โลกใบนี้กลายเป็นโลกที่อันตรายเกินกว่าจะควบคุมได้ ต้องยอมรับว่าหนังมาพร้อมกับไอเดียที่เจ๋งพอสมควรเลยทีเดียว แนวคิดเกี่ยวกับการใช้ยาปลุกพลังพิเศษเป็นสิ่งที่ทำให้หนังน่าตื่นตาดี เพราะคนดูต้องมาลุ้นว่าจะออกฤทธิ์เป็นพลังใด
เราได้เห็นพลังเปลวเพลิง, พลังร่างกายกันกระสุน หรือพลังที่สามารถหายตัวได้ แน่นอนว่าหนังสื่อให้เห็นชัดเจนถึงเหรียญสองด้านที่เกิดขึ้นกับยาตัวนี้ เพราะกลายเป็นว่ายาที่ควรจะนำไปใช้ในทางที่ประโยชน์ กลับนำมาใช้แพร่หลายในด้านอาชญกรรมแทน จึงกลายเป็นปัญหาหลักของเรื่องที่ต้องหาทางยับยั้งไม่ให้มีการผลิตยาเพิ่มพลังไปมากกว่านี้
ขณะที่ตัวหนังเห็นได้ชัดว่ามีโทนดิบเถื่อนและมีลูกเล่นที่มีจังหวะจะโคนเป็นอย่างดี เพราะนี่คือผลงานของ 2 ผู้กำกับคู่หู “แอเรียล ชูลแมน” กับ “เฮนรี จูสต์” ที่เคยทำหนังคลูๆ อย่าง Nerve ออกมาได้น่าประทับใจเลยทีเดีย ทั้งคู่มีลายเส้นในการสร้างหนังค่อนข้างเฉพาะตัว งานแอคชั่นสุดระห่ำและน่าตื่นเต้นเป็นสิ่งที่ถนัดทำออกมาได้ถนัดและเหมาะกับโทนของหนังเป็นอย่างดี
หนังยังมาพร้อมกับทีมนักแสดงที่น่าสนใจมากๆ เริ่มด้วย “เจมี ฟ็อกซ์” ที่ไม่ได้เห็นเขามาจับงานหนังแอคชั่นดุเดือดแบบนี้สักพัก เสริมด้วย “โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์” ที่มาในบทตำรวจดีเด่นแต่อยู่ท่ามกลางพวกขบถ การจับคู่ของทั้งสองถือว่าน่าพอใจ อีกหนึ่งคนที่น่าประทับใจไม่แพ้กันก็คือ “โดมินีก ฟิชแบ็ก” นักแสดงสาวดาวรุ่งที่น่าจับตามมองกับทักษะการแสดงของเธอ แม้ว่าบทจะธรรมดาๆ ไม่ได้มีมิติอะไรมากนัก แต่เธอก็สามารถถ่ายทอดออกมาให้มีความซับซ้อนทางความคิดได้อย่างน่าทึ่ง
อย่างไรก็ตาม ประเด็นหลักของหนังคือที่สุด หนังมีพล็อตเรื่องที่น่าสนใจ แม้ว่าจะดำเนินเรื่องราวไม่ได้แปลกใหม่อะไรเลย เป็นไปตามสูตรสำเร็จของหนังแอคชั่นทั่วไป แต่ประเด็นการออกแบบยาเพิ่มพลังในเรื่องค่อนข้างน่าสนใจ ถือว่ายังสามารถนำเอาไปต่อยอดขยายเรื่องราวออกไปได้เป็นหนังอีกหลายเรื่องได้ดี แม้ว่าฉากปล่อยพลังจะมีไม่เยอะ แต่ปล่อยออกมาแต่ละครั้งก็โชว์งานออกแบบได้อย่างน่าทึ่ง และอลังการงานสร้างจริงๆ
เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ให้อารมณ์แบบสตรีท ที่ตัวเอกออกไปสู้กับตัวร้ายตามท้องถนน มีขบวนการใต้ดิน และอาชญากรนักค้ายาที่นัดพบกันตามตึกร้างที่เต็มไปด้วยกราฟฟิตี หนังเซ็ทฉากไว้ในนิวออร์ลีนส์ในช่วงเวลาอนาคตอันใกล้ โดยเริ่มเล่าผ่านมุมมองของโรบิน วัยรุ่นผิวสีที่รักการร้องเพลงแร็ป และต้องการหาเงินมาช่วยรักษาแม่ที่ป่วยเป็นเบาหวาน โรบินฝันใฝ่ที่จะประสบความสำเร็จ แต่ที่โรงเรียนกลับไม่ทำให้เธอรู้สึกเช่นนั้น เธอจึงโดดเรียนบ่อยๆ เพื่อมาค้ายา “พาวเวอร์” ยาที่ทำให้ผู้เสพมีพลังพิเศษขึ้นมาได้ 5 นาที โรบินมีเพื่อนสนิทเป็นตำรวจจอมแหกกฏ ชื่อแฟรงค์ ที่คอยช่วยเธอในยามคับขันเสมอ
ในอีกด้านของ หนัง ภาพยนตร์ Project Power อาร์ต อดีตนายทหารที่เคยถูกจับไปทดลองทางวิทยาศาสตร์ ก็กำลังตามหาลูกสาวของเขาที่ถูกจับตัวไป ลูกสาวของเขามีพลังพิเศษ และนั่นทำให้นายทุนชั่วจับเธอไปสกัดเอาสูตรยาพาวเวอร์ออกมา สิ่งที่น่าสนใจคือผู้กำกับเลือกดาราระดับพระกาฬอย่างเจมี ฟ็อกส์ มาเล่นเป็นอาร์ต ซึ่งทำให้การันตีได้ว่าจะเจอซีนดราม่าปล่อยพลังตามแบบฉบับดาราที่ได้เข้าชิงออสการ์
ตัวละครหลักที่มีผิวสี โดยเฉพาะโรบิน ต่างใฝ่ฝันถึงการมีอำนาจควบคุมชีวิตตัวเอง โรบินแทบจะเป็นเสาหลักของบ้านที่คอยหาอาหาร และซื้อยามารักษาแม่ของเธอ เธอไม่เคยร้องเพลงแร็พให้เพื่อนฟัง ทั้งที่เธอแทบจะเป็นอัจฉริยะในด้านนี้ วัฒนธรรมแร็พในแบบคนผิวสีก็เป็นสัญลักษณ์หนึ่งของการไต่ระดับทางสังคม นักร้องผิวสีหลายคน อย่างคาร์ดิ บี ก็สามารถขยับชนชั้นขึ้นมาได้ด้วยการร้องเพลงแร็พ จึงไม่แปลกที่โรบินจะรู้สึกอยากเป็นเช่นนั้นบ้าง แต่สิ่งที่ใกล้ตัวที่สุดและทำให้เธอรู้สึกถึงอำนาจในการเลื่อนชนชั้นนั้นกลับเป็นยาผิดกฏหมาย ถึงแม้เธอจะรู้ว่าอาชีพที่ทำอยู่นี้ไม่ยั่งยืน แต่มันก็ทำให้ความฝันของเธอที่จะเห็นแม่หายจากโรคร้ายใกล้ความจริงขึ้นมาบ้าง
สำหรับอาร์ต ตัวเอกอีกตัวของ
หนัง ภาพยนตร์ Project Power เขาอยากมีพลังมากพอที่จะปกป้องดูแลลูกสาวของตัวเองได้ ปมในใจของเขาก็คือ เขาเองเป็นสาเหตุที่ทำไห้ลูกสาวถูกจับตัวไปเช่นนี้ อาร์ตเป็นพระเอกสไตล์โลนวูล์ฟ (lone wolf) ที่เน้นลุยเดี่ยวและไม่ผูกพันกับใคร จนในตอนเริ่มของเรื่อง เขาดูเหมือนเป็นผู้ร้ายด้วยซ้ำ แต่ทักษะการต่อสู้ของเขาจะไร้ประโยชน์ถ้าเขาไม่ได้ร่วมมือกับโรบิน ซึ่งรู้เกี่ยวกับขบวนการค้ายา และแฟรงค์ ซึ่งเป็นตำรวจ เขาจึงต้องจำใจร่วมมือกับทั้งสองคน และสิ่งนี้ค่อยๆเปลี่ยนเขาจากภายในให้เป็นคนที่ผูกพันกับผู้อื่นและไว้ใจผู้อื่น นอกเหนือจากความเก่งในด้านการต่อสู้แล้วเขายังมีจิตวิทยาในการหว่านล้อมสูงตามสไตล์คนที่เคยฝึกทหารมา เขาจึงเป็นศัตรูที่น่ากลัว เพราะมีทั้งทีมและทักษะ
ถึงเรื่องราวจะเกิดขึ้น และจบไปแบบไม่มีอะไรใหม่ให้น่าสงสัยติดตามภาคต่อ (ถ้ามี) แต่สิ่งที่ 2 ผู้กำกับจากหนังผีกล้องวงจรปิดได้ปล่อยของไว้ กลับคือ งานอาร์ตและซีจีที่ตื่นตาเกินมาตรฐานหนังเน็ตฟลิกซ์ทั่วไป มีความสดใหม่ด้านภาพที่ทรงพลัง ฉากที่อาร์ตต้องปะทะกับมนุษย์เพลิงตอนต้นเรื่องจัดว่าตื่นตาตรึงใจได้ไม่น้อยทีเดียว การรอคอยดูพลังของแต่ละตัวละครกลายเป็นความน่าติดตามมาก ๆ ว่าคนนั้นจะมีพลังแบบไหน และแสดงออกพลังด้วยซีจีอย่างไร ซึ่งก็มีทั้งตัวที่เจ๋งมาก ๆ อย่างมนุษย์เพลิง มนุษย์น้ำแข็ง มนุษย์ยักษ์ แล้วก็ที่ดูธรรมดา ๆ อย่างมนุษย์กายเหล็ก หรือแค่มีพลังกายเพิ่มเท่านั้น
ในขณะที่รายละเอียดของพลัง ก็มีความสดใหม่ในการนำเสนอ เช่น การใช้ยาที่มีเวลาจำกัดในการออกฤทธิ์ไม่กี่นาที ทำให้ต้องวางแผนการใช้ หรือการใช้เกินขนาดร่างกายรับไม่ไหวก็ตายได้ และไม่ใช่ทุกคนที่จะรับพลังได้ตั้งแต่เม็ดแรก บางรายตัวระเบิดไปเลยก็มี อย่างไรก็ตามคำอธิบายที่มาของพลังก็ยังเป็นรูโหว่เล็ก ๆ เมื่ออาร์ตเฉลยว่าพลังจากยานี้มีที่มาจากพลังของพวกสัตว์ ซึ่งยากจะหาคำอธิบายว่ามนุษย์เพลิงกับมนุษย์น้ำแข็ง ไปเอาพลังจากสัตว์ประเภทไหนมา แต่ก็ไม่ได้เป็นจุดอ่อนร้ายแรงนัก (แต่ร้ายแรงแน่ถ้าจะมีภาคต่อแล้วยังยึดคำอธิบายนี้)
สิ่งที่จูงใจให้หนังน่าดูอีกอย่าง
คือการมาโชว์ฝีมือของ เจมี ฟ็อกซ์ ในบท อาร์ต ที่อาจไม่ใช่งานยากของฟ็อกซ์นักเพราะตัวละครมีเป้าหมายเดียวคือห่วงและตามหาลูกสาว มีความขัดแย้งในตัวแค่ว่าไม่ใช่คนเลวแต่ต้องใช้วิธีการที่รุนแรงในบางครั้งเพื่อสืบหาคนที่ลักพาตัว ในขณะที่ดาราอีกคนอย่าง โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์ ก็สวมบท แฟรงก์ ตำรวจนอกคอกที่รักเมืองเกิดจนยอมขายวิญญาณให้พลังได้แบบไม่ยากเย็นเช่นกัน
โจทย์หนักน่าจะมาอยู่ที่ดาราหน้าใหม่อย่าง โดมินิก ฟิชแบ็ก ดาราสาวสายทีวีซีรีส์ที่ได้บทนำจากการโชว์ฝีมือในหนังโรงสายเวทีประกวดเพียงเรื่องเดียว แล้วต้องมาปะทะกับดาราเบอร์ใหญ่ทันที โดยตัวละคร โรบิน ของเธอเป็นตัวแทนผู้ชมให้เข้าไปสู่โลกของหนังอย่างแท้จริง ซึ่งพูดกันตามตรงว่าด้านเซ็กซ์แอปพีลของเธอนั้นไม่ได้เป็นจุดแข็ง แต่การสื่อภาวะของวัยรุ่นที่สับสนในชีวิตตัวเองไม่พอแล้วบังเอิญต้องมาเจอปัญหาใหญ่ที่ผู้ใหญ่ยังรับมือลำบาก ก็ถือว่าแสดงได้ผ่านมาตรฐาน พอพยุงหนังไปได้ ซึ่งก็น่าเสียดายถ้าบทหนังเปิดโอกาสให้เหล่าตัวละครนำมีมุมที่ลึกและน่าสนใจแตกต่างจากตัวละครสูตรที่ใช้กันบ่อยแล้วอย่างนี้ หนังน่าจะมีจุดแข็งหลักในการนำเสนอภาคต่อได้
แฟรงค์ทำงานเป็นตำรวจมาทั้งชีวิต รีวิวหนังฝรั่ง Project Power
แม้เขาจะชอบแหกกฏแต่เขาก็เคารพและรักในอาชีพตำรวจ พลังพิเศษของเขาทำให้เขาได้เปรียบในอาชีพตำรวจ เพราะมันคือการยิงไม่เข้า และเขาก็ได้ใช้ทักษะนี้จับผู้ร้ายตัวแสบมาหลายคน จนโดนผู้บังคับบัญชาจับได้และบีบให้ออกจากตำรวจ เว้นเสียแต่เขาจะจับอาร์ตได้ เขาทำตามที่ผู้บังคับบัญชาสั่งทุกอย่าง แต่เมื่อพบกับอาร์ต เขาก็ค้นพบว่าเกลือเป็นหนอน กรมตำรวจรับเงินจากเศรษฐีเงินหนัก และเป็นตัวการที่ทำให้ยาแพร่ระบาดไปเสียเอง เขาจึงต้องเปลี่ยนมาสู้ข้างถนนเคียงข้างกับโรบินและอาร์ต
สะท้อนให้เห็นถึงความไม่ไว้ใจผู้มีอำนาจจากโครงสร้างที่เปิดช่องให้มีการทุจริตได้โดยง่าย ในหนัง เราจะไม่ค่อยเห็นบทบาทของตำรวจในการจัดการกับยาพาวเวอร์มากนัก แต่เป็นหน้าที่ของประชาชนธรรมดาอย่างโรบิน อาร์ต และแฟรงค์ ที่ต้องการต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเอง น่าเสียดายที่หนังไม่ได้ทำให้เห็นว่าแฟรงค์จะไปจัดการกับกรมตำรวจอย่างไรในข้อหาที่ร่วมมือกับแก๊งค้ายา แต่โดยรวมถือว่าโจเซฟ กอร์ดอน เลวิตต์ สอบผ่านในบทตำรวจชั้นผู้น้อยนี้
หนังดึงองค์ประกอบของหนังหลายๆ แนวมาไว้
ทั้งหนังดราม่าพ่อลูก หนังซูเปอร์ฮีโร่ดาร์กๆ หรือพื้นฐานหนังอาชญากรรม ทำให้โดยรวมก็เป็นเพียงหนังแอคชั่นคลีเช่ มีฉากซ้ำๆ ที่เคยเห็นมาก่อนหนังเรื่องอื่นๆ มาก่อน ขณะที่ฉากแอคชั่นก็มีออกมาเรื่อยๆ และน่าเสียดายที่ยังไม่ค่อยเป็นที่น่าจดใจสักเท่าไหร่ อีกสิ่งที่น่าสนใจของหนังก็คือการเลือกใช้โลเคชั่นหลักเป็นเมืองนิวออร์ลีนส์ ไม่ใช่แค่เลือกมาเฉยๆ แต่ก็แอบแฝงอะไรเอาไว้อยู่ไม่น้อยเช่นกัน ทั้งด้านสังคม การเมือง และคอรัปชั่นต่างๆ เอาไว้ให้คนดูคิดเอาเอง
โดยสรุปแล้ว Project Power พลังลับพลังฮีโร่ ก็ถือว่าเป็นหนังแอคชั่นกลิ่นอายซูเปอร์ฮีโร่ที่มาพร้อมกับสูตรสำเร็จ ตามสไตล์หนังฟอร์มใหญ่ที่มักจะออกฉายในฤดูร้อนของทุกๆ ปี แต่ปีนี้ฤดูกาลนี้ได้ขาดหายไป หนังเรื่องนี้ก็สามารถทำหน้าที่มาเติมเต็มคอหนังค่อนข้างได้อยู่ระดับหนึ่ง แม้ว่าจะมันส์ไม่สุด ยังไม่ค่อยเต็มเหนี่ยว แต่ก็มาพร้อมกับพล็อตเรื่องที่น่าสนใจอยู่ เอาเป็นว่านี่คือหนังที่ดูได้เพลินๆ